ตรวจข้อสอบ > ชัยมงคล แย้มสวน > ความถนัดคณิตศาสตร์เชิงวิศวกรรมศาสตร์ | Engineering Mathematics Aptitude > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 24 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


Which method is used to determine the weights of factors in a multimodal transportation system?

Analytic Hierarchy Process (AHP)

ความสามารถในการจัดลำดับความสำคัญ: AHP ช่วยให้เราสามารถจัดลำดับความสำคัญของปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกเส้นทางขนส่งได้อย่างเป็นระบบ โดยอาศัยการเปรียบเทียบแบบคู่ๆ (pairwise comparison) ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายต่อการเข้าใจและนำไปปฏิบัติ การจัดการกับปัจจัยที่เป็นนามธรรม: ปัจจัยบางอย่างในระบบขนส่งมัลติโมดอลอาจเป็นปัจจัยที่จับต้องไม่ได้ เช่น ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย AHP สามารถจัดการกับปัจจัยเหล่านี้ได้โดยอาศัยการให้คะแนนตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ การสร้างเกณฑ์การตัดสินใจที่ชัดเจน: AHP ช่วยให้เราสร้างเกณฑ์การตัดสินใจที่ชัดเจนและสอดคล้องกับเป้าหมายของการขนส่ง โดยแบ่งปัจจัยออกเป็นหลายระดับ และทำการเปรียบเทียบในแต่ละระดับ การตรวจสอบความสอดคล้องของผลลัพธ์: AHP มีเครื่องมือในการตรวจสอบความสอดคล้องของการตัดสินใจ (consistency ratio) เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ได้มีความน่าเชื่อถือ

ทฤษฎีการตัดสินใจแบบหลายเกณฑ์ (Multi-criteria Decision Making): AHP เป็นหนึ่งในวิธีการที่ใช้ในการตัดสินใจแบบหลายเกณฑ์ ซึ่งมีเป้าหมายในการเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดจากหลายทางเลือก โดยพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายปัจจัย ทฤษฎีของการเปรียบเทียบแบบคู่ๆ: AHP ใช้การเปรียบเทียบแบบคู่ๆ เพื่อสร้างเมทริกซ์การเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการคำนวณค่าน้ำหนักของปัจจัยต่างๆ ทฤษฎีของการสอดคล้อง: AHP มีการตรวจสอบความสอดคล้องของการตัดสินใจ เพื่อให้มั่นใจว่าการตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญมีความสอดคล้องกัน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


What is the primary goal of the Zero-One Goal Programming (ZOGP) used in the study?

Minimizing the overall transportation cost

Zero-One Goal Programming เป็นเทคนิคการวิจัยเชิงปฏิบัติการที่ใช้ในการแก้ปัญหาการตัดสินใจหลายวัตถุประสงค์ โดยมีเป้าหมายหลักคือการหาทางออกที่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์หลายอย่างได้ดีที่สุดภายใต้ข้อจำกัดที่กำหนด วัตถุประสงค์หลักของ ZOGP มักจะเกี่ยวข้องกับการลดต้นทุน เพิ่มผลกำไร หรือปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ โดยการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายเหล่านั้น ในบริบทของการขนส่ง ต้นทุนการขนส่งเป็นปัจจัยสำคัญที่องค์กรพยายามลดให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและลดต้นทุนการดำเนินงาน ตัวเลือกอื่นๆ เช่น การเพิ่มจำนวนรูปแบบการขนส่ง การเพิ่มเวลาในการขนส่ง และการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาจเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาการขนส่ง แต่โดยทั่วไปแล้ว ZOGP จะถูกนำมาใช้เพื่อลดต้นทุนเป็นหลัก

ทฤษฎีการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Operations Research): ZOGP เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์และแก้ปัญหาการตัดสินใจในสถานการณ์ที่ซับซ้อน โดยอาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์และสถิติ ทฤษฎีการโปรแกรมเชิงเส้น (Linear Programming): ZOGP เป็นการขยายแนวคิดของการโปรแกรมเชิงเส้นมาใช้กับปัญหาที่มีเป้าหมายหลายอย่าง โดยการกำหนดตัวแปรตัดสินใจเป็นตัวแปรแบบ 0-1 เพื่อแสดงถึงการเลือกหรือไม่เลือกทางเลือกต่างๆ ทฤษฎีการจัดการห่วงโซ่อุปทาน: ZOGP สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่ง และปรับปรุงการบริการลูกค้า

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


In the context of multimodal transportation, what does the 'multimodal' aspect refer to?

Using multiple modes of transport for a single shipment

ความหลากหลายของรูปแบบการขนส่ง: Multimodal transportation ช่วยให้สามารถเลือกใช้รูปแบบการขนส่งที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงของการเดินทางได้ เช่น การใช้รถบรรทุกขนส่งจากโรงงานไปยังท่าเรือ จากนั้นใช้เรือขนส่งข้ามทะเล และสุดท้ายใช้รถบรรทุกส่งมอบสินค้าถึงมือผู้รับ ประสิทธิภาพ: การใช้หลายรูปแบบการขนส่งช่วยให้สามารถลดต้นทุน เพิ่มความเร็วในการขนส่ง และลดความเสียหายของสินค้าได้ เนื่องจากสามารถเลือกใช้รูปแบบการขนส่งที่เหมาะสมกับระยะทาง ประเภทของสินค้า และข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ ความยืดหยุ่น: Multimodal transportation ทำให้สามารถขนส่งสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางที่เข้าถึงได้ยาก หรือเส้นทางที่ไม่มีการขนส่งโดยรูปแบบใดรูปแบบเดียวได้อย่างต่อเนื่อง

Logistics and Supply Chain Management: Multimodal transportation เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งมุ่งเน้นการวางแผนและควบคุมการเคลื่อนย้ายสินค้าจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดสิ้นสุดอย่างมีประสิทธิภาพ Intermodal Transportation: คำนี้มีความหมายใกล้เคียงกับ multimodal transportation แต่โดยทั่วไปจะเน้นที่การเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งที่เกิดขึ้นที่ท่าเรือหรือสถานีขนส่ง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


Which risk is NOT directly considered in the optimization model described in the document?

Environmental risk

โมเดลการเพิ่มประสิทธิภาพมักจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กร เช่น การลดต้นทุน การเพิ่มผลผลิต หรือการปรับปรุงคุณภาพสินค้าและบริการ ความเสี่ยงทางสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยภายนอกที่ยากจะคาดการณ์และควบคุมได้ ดังนั้นจึงมักไม่ได้ถูกนำมาพิจารณาในโมเดลโดยตรง

ทฤษฎีการดำเนินงาน (Operations Research): ทฤษฎีนี้มุ่งเน้นการใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาการตัดสินใจในองค์กร โมเดลการเพิ่มประสิทธิภาพหลายประเภทอาศัยพื้นฐานจากทฤษฎีนี้ แต่โดยทั่วไปจะไม่รวมถึงปัจจัยภายนอกที่ไม่แน่นอน เช่น ภัยธรรมชาติ ทฤษฎีการจัดการความเสี่ยง (Risk Management): ทฤษฎีนี้มุ่งเน้นการระบุ ประเมิน และจัดการกับความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อองค์กร ความเสี่ยงทางสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการความเสี่ยง แต่การนำมาพิจารณาในโมเดลการเพิ่มประสิทธิภาพนั้นต้องอาศัยเทคนิคและเครื่องมือที่เฉพาะเจาะจง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


What is the primary advantage of integrating AHP with ZOGP in the study's methodology?

Ensuring consistency and reducing bias in decision-making

AHP (Analytic Hierarchy Process): เป็นวิธีการที่ใช้ในการจัดลำดับความสำคัญของปัจจัยต่างๆ โดยอาศัยการเปรียบเทียบเป็นคู่ๆ ซึ่งช่วยลดอคติส่วนบุคคลในการตัดสินใจ แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่การเปรียบเทียบอาจไม่สอดคล้องกัน ZOGP (Zero-One Goal Programming): เป็นวิธีการที่ใช้ในการแก้ปัญหาการตัดสินใจหลายเกณฑ์ โดยกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้บรรลุ ซึ่งช่วยให้สามารถรวมปัจจัยต่างๆ ที่มีความสำคัญแตกต่างกันเข้าด้วยกันได้อย่างเป็นระบบ

Multi-Criteria Decision Making (MCDM): เป็นสาขาหนึ่งของวิทยาศาสตร์การตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจที่มีเกณฑ์หลายประการ Operations Research: เป็นสาขาหนึ่งของวิศวกรรมที่ใช้เทคนิคทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ในการแก้ปัญหาการตัดสินใจที่ซับซ้อน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


Which method is applied to validate the model and results in the document?

Regression analysis

Regression analysis: ช่วยในการวัดความสัมพันธ์เชิงเส้นระหว่างตัวแปร และสามารถใช้ในการทำนายค่าได้ Time-series analysis: เหมาะสำหรับข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงตามเวลา ช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้ม ฤดูกาล และความผันผวน ANOVA: ใช้ในการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างหลายกลุ่ม ช่วยในการตรวจสอบความแตกต่างระหว่างกลุ่ม

Regression analysis: ทฤษฎีความน่าจะเป็นและสถิติ เช่น การแจกแจงปกติ การถดถอยเชิงเส้นหลายตัวแปร Time-series analysis: ทฤษฎีอนุกรมเวลา เช่น ARIMA, SARIMA, Holt-Winters ANOVA: ทฤษฎีการทดสอบสมมติฐานทางสถิติ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


What does DEA stand for in the context of the document?

Data Envelopment Analysis

จากบริบทของเอกสาร: DEA เป็นวิธีการที่นิยมใช้ในการวัดประสิทธิภาพของหน่วยงานหรือองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเศรษฐศาสตร์และการบริหารธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหาที่กล่าวถึงในเอกสารที่คุณให้มา ความหมายของ DEA: DEA ย่อมาจาก Data Envelopment Analysis ซึ่งเป็นวิธีการทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของหน่วยผลิต โดยเปรียบเทียบหน่วยผลิตที่กำลังพิจารณา (DMU) กับหน่วยผลิตอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน โดยไม่จำเป็นต้องมีฟังก์ชันการผลิตที่แน่นอน

โปรแกรมเชิงเส้น (Linear Programming): DEA เป็นการประยุกต์ใช้โปรแกรมเชิงเส้นในการหาค่าประสิทธิภาพสูงสุด ขอบเขตประสิทธิภาพ (Efficient Frontier): DEA จะสร้างขอบเขตประสิทธิภาพที่แสดงถึงประสิทธิภาพสูงสุดที่เป็นไปได้ โดยหน่วยผลิตที่อยู่บนขอบเขตนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพเต็มที่ Decision Making Unit (DMU): ในบริบทของ DEA หน่วยผลิตแต่ละหน่วยจะถูกเรียกว่า DMU

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


Which type of risk is primarily associated with theft and accidents?

Security Risk

Theft (การโจรกรรม): การโจรกรรมเป็นการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกหรือละเมิดความปลอดภัย เพื่อเอาทรัพย์สินของผู้อื่นไปโดยมิชอบ ซึ่งตรงกับความหมายของ Security Risk ที่เน้นเรื่องความปลอดภัยของทรัพย์สินและข้อมูล Accidents (อุบัติเหตุ): แม้ว่าอุบัติเหตุบางประเภทอาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงประเภทอื่น เช่น Operational Risk (ความเสี่ยงในการดำเนินงาน) แต่โดยหลักแล้ว อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการควบคุมความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไม่เพียงพอ เช่น อุบัติเหตุจากการทำงานที่ไม่ปลอดภัย อุบัติเหตุจากการขนส่งที่ไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของ Security Risk

แนวคิดหลักที่ใช้ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงประเภทนี้คือ Risk Management ซึ่งเป็นกระบวนการในการระบุ ประเมิน และควบคุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับองค์กรหรือบุคคล โดย Security Risk เป็นหนึ่งในประเภทความเสี่ยงที่สำคัญที่องค์กรต้องให้ความสำคัญในการบริหารจัดการ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


What method is used to aggregate risk scores under different criteria into an overall risk score?

Simple Additive Weighting

SAW: เหมาะสำหรับปัญหาที่ไม่ซับซ้อนมากนัก และมีข้อมูลที่ค่อนข้างชัดเจน ANP: เหมาะสำหรับปัญหาที่มีความซับซ้อนสูง และมีความสัมพันธ์ระหว่างเกณฑ์ที่ซับซ้อน Fuzzy AHP: เหมาะสำหรับปัญหาที่มีความไม่แน่นอนและความคลุมเครือของข้อมูลสูง

ทฤษฎีการตัดสินใจหลายเกณฑ์ (Multi-Criteria Decision Making): เป็นทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดจากหลายทางเลือก โดยพิจารณาจากหลายเกณฑ์ ทฤษฎีความคลุมเครือ (Fuzzy Theory): เป็นทฤษฎีที่ใช้ในการจัดการกับความไม่แน่นอนและความคลุมเครือของข้อมูล ทฤษฎีเครือข่าย (Network Theory): เป็นทฤษฎีที่ใช้ในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ในระบบ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


In the risk assessment model, which factor represents the weight of each criterion?

FAHP Weight

FAHP (Fuzzy Analytic Hierarchy Process) เป็นวิธีการตัดสินใจเชิงหลายเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินความสำคัญสัมพัทธ์ของปัจจัยต่างๆ ในการตัดสินใจ โดยอาศัยหลักการของทฤษฎีเซตคลุมเครือ (Fuzzy Set Theory) ซึ่งช่วยในการจัดการกับความไม่แน่นอนและความคลุมเครือของข้อมูล FAHP Weight คือ ค่าน้ำหนักที่ได้จากการประเมินความสำคัญสัมพัทธ์ของแต่ละเกณฑ์ โดยค่านี้จะสะท้อนถึงความสำคัญของเกณฑ์นั้นๆ เมื่อเทียบกับเกณฑ์อื่นๆ ในระบบ FAHP Weight จึงเป็นตัวแทนที่แสดงถึงน้ำหนักหรือความสำคัญของแต่ละเกณฑ์ในการประเมินความเสี่ยง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการทราบในการวิเคราะห์ความเสี่ยง

ทฤษฎีเซตคลุมเครือ (Fuzzy Set Theory) เป็นพื้นฐานของ FAHP ช่วยในการจัดการกับความไม่แน่นอนและความคลุมเครือของข้อมูล AHP (Analytic Hierarchy Process) เป็นวิธีการตัดสินใจเชิงหลายเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินความสำคัญสัมพัทธ์ของปัจจัยต่างๆ การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) เป็นกระบวนการที่ใช้ในการระบุ วิเคราะห์ และประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


If the probability rank is 3, impact severity rank is 2, and the route segment ratio is 0.75, what is the risk level (R_ij) according to the formula R_ij = P_ij × C_ij × 4EA_ij?

9

ค่าคงที่ 4: ค่าคงที่นี้มักใช้เป็นตัวคูณเพื่อปรับขนาดของความเสี่ยงให้เหมาะสมกับบริบทของปัญหาที่กำลังพิจารณา โดยค่า 4 นี้ไม่ได้มีที่มาที่ตายตัว อาจถูกปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของแต่ละสถานการณ์ ตัวแปรอื่นๆ: ค่า P_ij, C_ij และ EA_ij เป็นตัวแปรที่ใช้ในการคำนวณความเสี่ยง โดยแต่ละตัวแปรมีความหมายดังนี้ P_ij: ความน่าจะเป็นที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้น C_ij: ความรุนแรงของผลกระทบหากเหตุการณ์เกิดขึ้น EA_ij: อัตราส่วนของส่วนของเส้นทางที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์

การวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk Analysis): เป็นกระบวนการประเมินความน่าจะเป็นและผลกระทบของเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ ทฤษฎีความน่าจะเป็น (Probability Theory): ใช้ในการคำนวณความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การตัดสินใจภายใต้ความไม่แน่นอน (Decision Making under Uncertainty): เป็นกระบวนการตัดสินใจเมื่อข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือไม่แน่นอน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


Given the FAHP weights for two risks as 0.3 and 0.7, and their corresponding DEA scores are 50 and 80, what is the overall risk score using the SAW method?

65

กำหนดน้ำหนักและคะแนน: น้ำหนักความสำคัญของความเสี่ยงที่ 1 (W1) = 0.3 น้ำหนักความสำคัญของความเสี่ยงที่ 2 (W2) = 0.7 คะแนนของความเสี่ยงที่ 1 (S1) = 50 คะแนนของความเสี่ยงที่ 2 (S2) = 80 คำนวณคะแนนรวม: คะแนนรวม = (W1 * S1) + (W2 * S2) คะแนนรวม = (0.3 * 50) + (0.7 * 80) คะแนนรวม = 15 + 56 คะแนนรวม = 65

ทฤษฎีการตัดสินใจแบบหลายเกณฑ์ (Multi-Criteria Decision Making): เป็นสาขาหนึ่งของวิจัยปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับการเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดจากหลายทางเลือก โดยพิจารณาจากเกณฑ์หลายเกณฑ์ ทฤษฎีความน่าจะเป็น (Probability Theory): ใช้ในการวัดความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ต่างๆ ทฤษฎีตัวเลขฟัซซี (Fuzzy Set Theory): ใช้ในการแทนค่าที่ไม่ชัดเจนหรือไม่แน่นอน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


What is the primary method used for forecasting landslide occurrences in the document?

Linear regression

หลักการ: สร้างสมการเชิงเส้นเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการเกิดดินถล่ม (เช่น ปริมาณน้ำฝน ความชันของพื้นที่) กับความน่าจะเป็นของการเกิดดินถล่ม เหมาะสมเมื่อ: มีความสัมพันธ์เชิงเส้นระหว่างปัจจัยต่างๆ และผลลัพธ์ ข้อจำกัด: อาจไม่เหมาะสมกับข้อมูลที่ซับซ้อนหรือมีความไม่เป็นเชิงเส้นสูง

สถิติ: ทฤษฎีความน่าจะเป็น การแจกแจงความน่าจะเป็น การวิเคราะห์การถดถอย Machine learning: การเรียนรู้ของเครื่อง การเรียนรู้เชิงลึก Neural network Decision tree วิทยาศาสตร์โลก: ธรณีวิทยา อุตุนิยมวิทยา

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


What does LST stand for as used in the document?

Land Surface Temperature

ความเกี่ยวข้อง: คำย่อ LST มักถูกนำมาใช้ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับภูมิศาสตร์, ธรณีวิทยา, และวิทยาศาสตร์บรรยากาศ ซึ่งเป็นสาขาที่ศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิบนผิวโลก การใช้งาน: LST มีความสำคัญในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การพยากรณ์อากาศ, และการประเมินผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน

การวัดอุณหภูมิจากระยะไกล: เทคโนโลยีเซ็นเซอร์และดาวเทียมทำให้สามารถวัดอุณหภูมิพื้นผิวโลกได้จากระยะไกล ซึ่งเป็นพื้นฐานในการคำนวณ LST การปรับเทียบข้อมูล: ข้อมูล LST ที่ได้จากดาวเทียมจะต้องผ่านการปรับเทียบเพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้อง โดยพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของพื้นผิว, ความชื้นในอากาศ, และมุมตกกระทบของแสงอาทิตย์ การนำไปใช้ประโยชน์: ข้อมูล LST สามารถนำไปใช้ในการศึกษาปรากฏการณ์ต่างๆ เช่น คลื่นความร้อน, ภัยแล้ง, และการเปลี่ยนแปลงของการใช้ที่ดิน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


Which parameter directly influences the underground water level, as discussed in the document?

Precipitation volume

ปริมาณน้ำฝนเป็นปัจจัยหลักในการเติมน้ำให้กับชั้นหินอุ้มน้ำ: เมื่อฝนตกลงมา น้ำส่วนหนึ่งจะซึมลงสู่ดินและชั้นหินใต้ดินไปสะสมเป็นน้ำบาดาล ทำให้ระดับน้ำใต้ดินสูงขึ้น ความสัมพันธ์โดยตรง: ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ระดับน้ำใต้ดินสูงขึ้นโดยตรง และในทางกลับกัน ปริมาณน้ำฝนที่ลดลงจะทำให้ระดับน้ำใต้ดินลดลง ปัจจัยอื่นๆ มีผลกระทบทางอ้อม: ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุณหภูมิ ความดันอากาศ และความหนาแน่นของดิน มีผลต่อการระเหย การไหลของน้ำใต้ดิน และความสามารถในการอุ้มน้ำของดิน แต่ผลกระทบเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นทางอ้อมและไม่ส่งผลโดยตรงต่อระดับน้ำใต้ดินเท่ากับปริมาณน้ำฝน

วัฏจักรของน้ำ: ปริมาณน้ำฝนเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรของน้ำ ซึ่งเป็นกระบวนการหมุนเวียนของน้ำในธรรมชาติ โดยน้ำจะระเหยจากผิวโลกกลายเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นไปควบแน่นเป็นเมฆ และตกลงมาเป็นฝน เมื่อฝนตกลงมา น้ำส่วนหนึ่งจะซึมลงสู่ดินและชั้นหินใต้ดิน ชั้นหินอุ้มน้ำ: ชั้นหินอุ้มน้ำเป็นชั้นหินที่มีรูพรุนและช่องว่าง ทำให้สามารถเก็บกักน้ำไว้ได้ เมื่อปริมาณน้ำฝนสูงขึ้น น้ำจะเติมลงในชั้นหินอุ้มน้ำ ทำให้ระดับน้ำใต้ดินสูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลกระทบ: อุณหภูมิ: อุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้เกิดการระเหยของน้ำมากขึ้น ส่งผลให้น้ำในดินและชั้นหินอุ้มน้ำลดลง แต่ผลกระทบนี้จะเห็นได้ชัดเจนเมื่อมีปริมาณน้ำฝนน้อย ความดันอากาศ: ความดันอากาศมีผลต่อการเคลื่อนที่ของอากาศและปริมาณน้ำฝน แต่ผลกระทบต่อระดับน้ำใต้ดินโดยตรงนั้นค่อนข้างน้อย ความหนาแน่นของดิน: ความหนาแน่นของดินมีผลต่อความสามารถในการอุ้มน้ำของดิน แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่กำหนดระดับน้ำใต้ดิน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


Which technology is highlighted for its use in landslide analysis and prediction in the study?

Geographic Information Systems (GIS)

การรวมข้อมูลเชิงพื้นที่: GIS สามารถรวมข้อมูลเชิงพื้นที่หลากหลายชนิด เช่น ข้อมูลภูมิประเทศ ข้อมูลดิน ข้อมูลการใช้ที่ดิน และข้อมูลสภาพอากาศ เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างแผนที่และแบบจำลองที่แสดงถึงปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มได้อย่างครอบคลุม การวิเคราะห์เชิงพื้นที่: ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์เชิงพื้นที่ของ GIS นักวิทยาศาสตร์สามารถระบุพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดดินถล่มได้อย่างแม่นยำ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความชันของพื้นที่ ประเภทของดิน และปริมาณน้ำฝน การสร้างแบบจำลอง: GIS ช่วยในการสร้างแบบจำลองการเกิดดินถล่ม ซึ่งสามารถใช้ในการคาดการณ์พื้นที่ที่อาจเกิดดินถล่มในอนาคตได้ การนำเสนอผลลัพธ์: ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ด้วย GIS สามารถนำเสนอในรูปแบบแผนที่ที่เข้าใจง่าย ทำให้ง่ายต่อการสื่อสารข้อมูลไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น หน่วยงานภาครัฐ ชุมชน และประชาชน

ธรณีวิทยา: การศึกษาเกี่ยวกับหิน ดิน และกระบวนการทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับการเกิดดินถล่ม ภูมิศาสตร์: การศึกษาเกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพและมนุษย์ของโลก ซึ่งรวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับการกระจายตัวของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม วิทยาศาสตร์ข้อมูล: การใช้เทคนิคทางสถิติและคณิตศาสตร์ในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อค้นหารูปแบบและความสัมพันธ์ การเรียนรู้ของเครื่อง: การพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้สามารถเรียนรู้และปรับปรุงประสิทธิภาพได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างแบบจำลองการเกิดดินถล่ม

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


What role does the 'Plasticity Index' play in the context of landslides?

Indicates soil's susceptibility to landslide when wet

ความสามารถในการอุ้มน้ำ: ดินที่มีดัชนีพลาสติกสูงจะมีความสามารถในการอุ้มน้ำได้มาก เมื่อดินอุ้มน้ำมากเกินไป จะทำให้รูพรุนในดินอิ่มตัวด้วยน้ำ และลดความแข็งแรงของดินลง ทำให้ดินมีความเสี่ยงต่อการเคลื่อนตัวหรือไหลได้ง่าย การเปลี่ยนแปลงสภาพของดิน: เมื่อดินที่มีดัชนีพลาสติกสูงสัมผัสกับน้ำ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพของดิน เช่น การขยายตัวหรือการหดตัว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดแรงดันภายในดิน และอาจทำให้เกิดการแตกหักของดินได้ ความลื่น: ดินที่มีดัชนีพลาสติกสูงมักจะมีความลื่นเมื่อเปียก ทำให้ดินมีความเสี่ยงต่อการไหลลงมาตามความลาดชันได้ง่าย

กลศาสตร์ดิน (Soil Mechanics): ทฤษฎีกลศาสตร์ดินอธิบายถึงพฤติกรรมของดินภายใต้แรงต่างๆ รวมถึงแรงจากน้ำที่แทรกซึมเข้าไปในดิน วิศวกรรมธรณีเทคนิค (Geotechnical Engineering): วิศวกรรมธรณีเทคนิคใช้หลักการทางกลศาสตร์ดินในการออกแบบโครงสร้างและวิเคราะห์ความเสี่ยงของการเกิดดินถล่ม อุทกวิทยา (Hydrology): อุทกวิทยาศึกษาเกี่ยวกับวงจรน้ำและการไหลของน้ำในดิน ซึ่งมีผลต่อความชื้นในดินและความเสี่ยงของการเกิดดินถล่ม

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


Based on the study, what natural events significantly trigger landslides along the Jammu Srinagar National Highway?

Heavy rainfall and snowfall

การอิ่มตัวของน้ำ: ฝนตกหนักและหิมะตกละลายจะทำให้น้ำซึมลงไปในดินและชั้นหิน ทำให้ดินอิ่มตัวด้วยน้ำ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นและแรงดันของน้ำจะลดความเสถียรของดิน ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของดินและวัสดุอื่นๆ บนทางลาดชัน การกัดเซาะ: น้ำที่ไหลบนผิวดินจะกัดเซาะดินและหิน ทำให้เกิดร่องลึกและรอยแยก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดดินถล่ม การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ: การแข็งตัวและละลายตัวสลับกันของดินที่อิ่มตัวด้วยน้ำจะทำให้เกิดการขยายตัวและหดตัวของดิน ทำให้เกิดรอยแตกและรอยแยก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดดินถล่ม

ทฤษฎีความลาดเอียง: ทฤษฎีนี้กล่าวว่าความลาดชันของพื้นที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ควบคุมการเกิดดินถล่ม เมื่อความลาดชันสูงขึ้น ความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ทฤษฎีความแข็งแรงของวัสดุ: ทฤษฎีนี้กล่าวว่าความแข็งแรงของดินและหินเป็นปัจจัยสำคัญที่ควบคุมการเกิดดินถล่ม เมื่อความแข็งแรงของวัสดุลดลง ความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ทฤษฎีปริมาณน้ำในดิน: ทฤษฎีนี้กล่าวว่าปริมาณน้ำในดินเป็นปัจจัยสำคัญที่ควบคุมการเกิดดินถล่ม เมื่อปริมาณน้ำในดินสูงขึ้น ความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


Which GIS-based model is NOT mentioned in the study for landslide susceptibility mapping?

All of the above are mentioned

ไม่มีข้อมูลงานวิจัย: คำถามไม่ได้ระบุถึงงานวิจัยที่เฉพาะเจาะจง ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าแบบจำลองใดบ้างที่ถูกนำมาใช้ ความหลากหลายของงานวิจัย: งานวิจัยแต่ละชิ้นอาจเลือกใช้แบบจำลองที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่มีอยู่ วัตถุประสงค์ของการศึกษา และปัจจัยอื่นๆ

ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS): เป็นระบบที่ใช้ในการจัดเก็บ วิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูลเชิงพื้นที่ โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ในการสร้างแผนที่และทำการวิเคราะห์ต่างๆ เช่น การทำแผนที่ความเสี่ยงดินถล่ม แบบจำลองทางสถิติ: เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำนายผลลัพธ์ในอนาคต เช่น การทำนายว่าพื้นที่ใดมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดดินถล่ม การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning): เป็นสาขาหนึ่งของปัญญาประดิษฐ์ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้สามารถเรียนรู้และปรับปรุงประสิทธิภาพได้โดยอัตโนมัติ แบบจำลองต่างๆ เช่น Random Forest และ Neural Networks ล้วนเป็นตัวอย่างของการประยุกต์ใช้การเรียนรู้ของเครื่องในการวิเคราะห์ข้อมูล

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


What is the primary purpose of landslide susceptibility maps according to the document?

Identifying areas prone to landslides for hazard management

วัตถุประสงค์หลัก: แผนที่ความเสี่ยงดินถล่มถูกสร้างขึ้นเพื่อระบุพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดดินถล่ม การจัดการภัยพิบัติ: ข้อมูลจากแผนที่นี้จะถูกนำไปใช้ในการวางแผนการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ เช่น การอพยพประชาชน การสร้างระบบเตือนภัย และการออกกฎระเบียบการใช้ที่ดิน

ธรณีวิทยา: การศึกษาเกี่ยวกับหิน ดิน และโครงสร้างทางธรณีวิทยา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเสี่ยงในการเกิดดินถล่ม ภูมิศาสตร์: การศึกษาเกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ เช่น ความชัน ความสูง และการระบายน้ำ วิศวกรรมธรณีเทคนิค: การศึกษาเกี่ยวกับสมบัติทางวิศวกรรมของดินและหิน ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS): การนำข้อมูลทางภูมิศาสตร์มาวิเคราะห์และสร้างแผนที่

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 92.75 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา