ตรวจข้อสอบ > มัชนิมา นาคสวัสดิ์ > ชีววิทยาเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Biology in Medical Science > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 30 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


What is the primary goal of contact tracing in public health?

To stop the spread of diseases by identifying and informing contacts

การระบุผู้สัมผัส: การติดตามผู้สัมผัสจะช่วยระบุบุคคลที่อาจติดเชื้อแต่ยังไม่มีอาการ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่สำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาด เพราะพวกเขาอาจไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อและยังคงสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ การแจ้งเตือน: การแจ้งเตือนผู้สัมผัสให้ทราบถึงความเสี่ยง จะช่วยให้พวกเขาสามารถป้องกันตนเองและผู้อื่นได้ เช่น การกักตัวเพื่อสังเกตอาการ การตรวจหาเชื้อ และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค การตัดวงจรการแพร่ระบาด: การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยขัดขวางการแพร่กระจายของโรคในชุมชน และลดจำนวนผู้ป่วยลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระบาดวิทยา: การติดตามผู้สัมผัสเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญของระบาดวิทยาที่ใช้ในการศึกษาการระบาดของโรค และควบคุมการแพร่ระบาด การควบคุมโรคติดต่อ: การระบุและควบคุมผู้สัมผัสเป็นกลยุทธ์หลักในการควบคุมโรคติดต่อหลายชนิด เช่น โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สุขอนามัยส่วนบุคคลและสาธารณสุข: การติดตามผู้สัมผัสเป็นการส่งเสริมสุขอนามัยส่วนบุคคลและสาธารณสุข โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการป้องกันโรคและการดูแลสุขภาพของชุมชน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


During the COVID-19 pandemic, what was one main reason people were motivated to isolate themselves after testing positive?

To avoid infecting others, particularly vulnerable populations

ในช่วงการระบาดใหญ่ของ COVID-19 การแยกตัวหลังจากตรวจพบเชื้อเป็นมาตรการสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค เหตุผลหลักที่ผู้คนถูกกระตุ้นให้แยกตัวคือเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว และเด็กเล็ก

ทฤษฎีสุขอนามัยสาธารณะ: การแยกตัวเป็นมาตรการหนึ่งในสุขอนามัยสาธารณะที่มุ่งเน้นการป้องกันโรคติดต่อ จริยธรรมทางการแพทย์: การแยกตัวเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อลดผลกระทบต่อผู้อื่น พฤติกรรมของมนุษย์: การให้ความรู้และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับความสำคัญของการแยกตัว ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


What method was commonly used for focus group discussions in the study on COVID-19 contact tracing?

Virtual, synchronous meetings

ความปลอดภัย: ช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรค ความสะดวก: ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าร่วมได้จากทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง การโต้ตอบแบบเรียลไทม์: ผู้เข้าร่วมสามารถโต้ตอบและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ทันที ทำให้ได้ข้อมูลที่หลากหลายและครอบคลุม การบันทึกข้อมูล: สามารถบันทึกการประชุมไว้เพื่อวิเคราะห์เพิ่มเติมได้ ข้อดีข้อเสียของวิธีการอื่นๆ การประชุมแบบพบหน้า: ข้อดี: สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เข้าร่วมได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้เข้าร่วมเปิดใจและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขึ้น ข้อเสีย: เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อโรค และอาจมีค่าใช้จ่ายสูง ฟอรัมออนไลน์แบบอะซิงโครนัส: ข้อดี: ผู้เข้าร่วมสามารถใช้เวลาในการตอบคำถามได้อย่างเต็มที่ ข้อเสีย: การโต้ตอบอาจช้า และอาจขาดความต่อเนื่อง การโทรศัพท์: ข้อดี: ง่ายต่อการจัดการ ข้อเสีย: ขาดการแสดงออกทางสีหน้าและท่าทาง ทำให้ยากต่อการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ แบบสอบถามทางไปรษณีย์: ข้อดี: สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวนมากได้ ข้อเสีย: อัตราการตอบกลับอาจต่ำ และขาดโอกาสในการถามคำถามเพิ่มเติม

การเลือกวิธีการจัดกลุ่มสัมภาษณ์ขึ้นอยู่กับ ทฤษฎีการสื่อสาร และ ทฤษฎีการวิจัยเชิงคุณภาพ หลายประการ เช่น: ทฤษฎีการสื่อสารทางสังคม: เน้นความสำคัญของการสร้างปฏิสัมพันธ์และความสัมพันธ์ระหว่างผู้วิจัยและผู้เข้าร่วม ทฤษฎีการวิเคราะห์เนื้อหา: ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ ทฤษฎีการสุ่มตัวอย่าง: ใช้ในการเลือกกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสม สรุป: การเลือกวิธีการจัดกลุ่มสัมภาษณ์ในงานวิจัยติดตามผู้ป่วย COVID-19 เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาหลายปัจจัย โดยไม่มีวิธีใดที่ถูกหรือผิดเสมอไป ผู้วิจัยควรเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการวิจัยและทรัพยากรที่มีอยู่

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


What factor did NOT influence the success of case investigation and contact tracing according to the article?

The color of the quarantine facilities

: สีเป็นเพียงองค์ประกอบทางสายตาที่ไม่มีผลต่อกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรือพฤติกรรมของผู้คนในการควบคุมโรค ปัจจัยที่สำคัญกว่าคือมาตรการควบคุมโรคที่ดำเนินการภายในสถานที่กักกัน เช่น การแยกผู้ป่วย การทำความสะอาด และการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง

การวิเคราะห์นี้ใช้แนวคิดพื้นฐานของ ระบาดวิทยา (Epidemiology) ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการเกิด การแพร่กระจาย และการควบคุมโรคในประชากร โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการเกิดโรค เช่น ปัจจัยทางชีววิทยา สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังเกี่ยวข้องกับ ทฤษฎีการสื่อสาร (Communication Theory) ซึ่งอธิบายถึงกระบวนการสื่อสารข้อมูลและความคิดเห็นระหว่างบุคคลและกลุ่มคน การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเข้าใจและส่งเสริมพฤติกรรมที่พึงประสงค์ในการควบคุมโรค สรุป: ปัจจัยที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความสำเร็จของการสอบสวนคดีและการติดตามผู้สัมผัสคือปัจจัยที่ไม่มีผลต่อกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรือพฤติกรรมของผู้คนในการควบคุมโรค โดยมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยที่สามารถวัดผลได้และมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


Which demographic factor was reported to affect the experiences and behaviors of individuals regarding CI/CT?

Type of employment

บทบาทในสังคมและการเข้าถึงข้อมูล: ผู้คนในแต่ละอาชีพมีความรับผิดชอบและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการรับรู้และความเชื่อเกี่ยวกับ CI/CT โดยตรง ตัวอย่างเช่น ผู้ทำงานในภาคเทคโนโลยีอาจมีความเข้าใจเกี่ยวกับ CI/CT มากกว่าผู้ทำงานในภาคเกษตร ความเสี่ยงต่อภัยคุกคาม: ประเภทของการทำงานยังสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดความตระหนักและพฤติกรรมในการป้องกันตนเองที่แตกต่างกัน วัฒนธรรมองค์กร: วัฒนธรรมองค์กรของแต่ละที่ทำงานมีผลต่อการส่งเสริมหรือยับยั้งพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับ CI/CT ตัวอย่างเช่น องค์กรที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางไซเบอร์จะส่งเสริมให้พนักงานมีความตระหนักและปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัย การขยายความ: การศึกษา: การศึกษาจำนวนมากพบว่าผู้ที่มีการศึกษาสูงมักจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับ CI/CT ที่ดีกว่า และมีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มากกว่า อายุ: กลุ่มอายุที่แตกต่างกันมีความรู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมในการใช้เทคโนโลยีและการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ เพศ: แม้ว่าจะมีการศึกษาที่ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างเพศในด้านพฤติกรรมเกี่ยวกับ CI/CT แต่ผลการศึกษาโดยรวมยังไม่สอดคล้องกัน

ทฤษฎีและแนวคิดที่ใช้ในการอ้างอิง: ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม: ทฤษฎีนี้เน้นย้ำถึงบทบาทของปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในการสร้างความรู้และพฤติกรรมของบุคคล ซึ่งรวมถึงการเรียนรู้จากเพื่อนร่วมงานและสมาชิกในองค์กร ทฤษฎีการรับรู้ความเสี่ยง: ทฤษฎีนี้ชี้ให้เห็นว่าการรับรู้ความเสี่ยงของบุคคลต่อภัยคุกคามจะมีผลต่อพฤติกรรมในการป้องกันตนเอง ทฤษฎีการกระจายนวัตกรรม: ทฤษฎีนี้ใช้ในการอธิบายกระบวนการที่บุคคลรับเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย มาใช้

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


What did participants report feeling after learning they were exposed to COVID-19?

Worry about their health and that of their contacts

ความไม่แน่นอนและความเสี่ยง: เมื่อผู้คนทราบว่าตนเองสัมผัสเชื้อ COVID-19 พวกเขาจะเผชิญกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น เช่น อาการป่วยจะรุนแรงแค่ไหน จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวหรือไม่ และอาจกังวลว่าจะแพร่เชื้อให้ผู้อื่นหรือไม่ ซึ่งความไม่แน่นอนเหล่านี้มักจะก่อให้เกิดความวิตกกังวล ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน: การติดเชื้อ COVID-19 อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างมาก เช่น การต้องกักตัว การทำงานหรือเรียนออนไลน์ และการขาดรายได้ ซึ่งความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบเหล่านี้ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล ความรับผิดชอบต่อผู้อื่น: ผู้ติดเชื้อมักรู้สึกผิดและกังวลว่าจะแพร่เชื้อให้กับคนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือคนในสังคม ซึ่งความรู้สึกผิดชอบนี้ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล

ทฤษฎีการประเมินความเครียด (Cognitive appraisal theory): ทฤษฎีนี้ระบุว่าปฏิกิริยาทางอารมณ์ของบุคคลต่อเหตุการณ์หนึ่งๆ ขึ้นอยู่กับการประเมินเหตุการณ์นั้นว่ามีความสำคัญต่อตนเองมากน้อยเพียงใด และตนเองมีทรัพยากรในการรับมือกับเหตุการณ์นั้นมากน้อยเพียงใด ในกรณีของการติดเชื้อ COVID-19 ผู้คนมักจะประเมินว่าเหตุการณ์นี้มีความสำคัญต่อสุขภาพและชีวิตประจำวันของตนเองสูง และอาจรู้สึกว่าตนเองไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการรับมือ ทำให้เกิดความวิตกกังวล ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (Social learning theory): ทฤษฎีนี้ระบุว่าพฤติกรรมและความคิดของบุคคลได้รับอิทธิพลจากการสังเกตพฤติกรรมและความคิดของผู้อื่น ในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความรุนแรงของโรคและผลกระทบต่อผู้ป่วยแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนมีความวิตกกังวลมากขึ้น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


What was a common source of information for participants when they learned about their COVID-19 status?

Family, friends, and healthcare providers

ความน่าเชื่อถือ: ผู้คนมักจะเชื่อถือข้อมูลจากคนที่ตนเองรู้จักและไว้วางใจ เช่น ครอบครัว เพื่อน และบุคลากรทางการแพทย์มากกว่าแหล่งข้อมูลอื่นๆ เนื่องจากมีความสัมพันธ์ส่วนตัวและความใกล้ชิด การเข้าถึงข้อมูล: ในช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านหลากหลายช่องทาง แต่การได้พูดคุยกับคนใกล้ชิดและผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ทำให้ผู้คนเข้าใจสถานการณ์และวิธีการรับมือได้ดีขึ้น การสนับสนุนทางอารมณ์: การได้รับข้อมูลจากคนที่ตนเองรักและไว้วางใจ ช่วยให้ผู้คนรู้สึกปลอดภัยและได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ทฤษฎีการสื่อสาร: ข้อมูลจะถูกส่งผ่านและตีความอย่างไรในสังคม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤต ทฤษฎีเครือข่ายทางสังคม: บุคคลในเครือข่ายของเรามีอิทธิพลต่อความคิดและพฤติกรรมของเราอย่างไร ทฤษฎีสุขภาพ: การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพที่มีคุณภาพส่งผลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของบุคคลอย่างไร ข้อสังเกต: ความหลากหลายของแหล่งข้อมูล: แม้ว่าครอบครัว เพื่อน และบุคลากรทางการแพทย์จะเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญ แต่ผู้คนก็อาจได้รับข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ เช่น เว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐบาล หรือสื่อมวลชน การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม: พฤติกรรมในการค้นหาและรับข้อมูลเกี่ยวกับ COVID-19 อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและสถานการณ์ สรุป: การที่ครอบครัว เพื่อน และบุคลากรทางการแพทย์เป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญสำหรับผู้ป่วย COVID-19 สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของความสัมพันธ์ส่วนตัวและความไว้วางใจในการสื่อสารข้อมูลสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤต

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


Which of the following was NOT a method for collecting data in the study described?

Virtual focus groups

ทฤษฎีการสร้างสรรค์สังคม (Social Constructivism): เน้นการศึกษาความหมายที่สร้างขึ้นร่วมกันในกลุ่มสังคม อาจใช้วิธีการสังเกตแบบมีส่วนร่วม (Participant Observation) หรือการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม (Behaviorism): เน้นการศึกษาพฤติกรรมที่สามารถสังเกตได้ อาจใช้วิธีการสังเกตพฤติกรรมโดยตรง (Direct Observation) หรือการบันทึกวิดีโอ ทฤษฎีเชิงปริมาณ (Quantitative Theory): เน้นการวัดและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงตัวเลข อาจใช้วิธีการสำรวจ (Survey) หรือการทดลอง (Experiment)

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


What ethical considerations were emphasized during the focus group discussions?

Ensuring privacy and voluntary participation

จริยธรรมในการวิจัย: หลักการพื้นฐานของการวิจัยทางสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์คือการเคารพสิทธิของผู้เข้าร่วม การรักษาความเป็นส่วนตัวและการได้รับความยินยอมโดยสมัครใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือให้กับการวิจัย กฎหมายและข้อบังคับ: กฎหมายและข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย เช่น กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายจริยธรรมในการวิจัย มักจะกำหนดให้มีการปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้ เพื่อปกป้องสิทธิของผู้เข้าร่วม ผลกระทบต่อผู้เข้าร่วม: การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือการบังคับให้เข้าร่วมการวิจัย อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึก สภาพจิตใจ หรือชื่อเสียงของผู้เข้าร่วมได้

หลักการจริยธรรมในการวิจัย (Ethical principles of research): เป็นหลักการที่กำหนดกรอบการดำเนินการวิจัยอย่างมีจริยธรรม เช่น หลักการเคารพในศักดิ์ศรีของมนุษย์ หลักการไม่ทำอันตราย หลักการความเป็นธรรม และหลักการให้ความยินยอมโดยสมัครใจ ทฤษฎีการสุ่มตัวอย่าง (Sampling theory): เป็นทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตัวอย่างจากประชากรทั้งหมด เพื่อนำมาใช้ในการวิจัย โดยมีหลักการสำคัญคือการสุ่มตัวอย่างอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ตัวอย่างมีความเป็นตัวแทนของประชากร ทฤษฎีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative data analysis theory): เป็นทฤษฎีที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ กลุ่มสัมภาษณ์ หรือการสังเกต โดยเน้นการตีความหมายและสร้างความเข้าใจในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


How did the availability of self-tests in 2021 impact the public health response to COVID-19?

It increased the speed at which people could learn their infection status

การเข้าถึงผลตรวจที่รวดเร็ว: ชุดตรวจ COVID-19 ด้วยตนเองช่วยให้ผู้คนสามารถตรวจหาเชื้อได้เองที่บ้าน โดยไม่ต้องรอผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ ทำให้ทราบผลได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งส่งผลให้สามารถดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดได้ทันท่วงที เช่น การกักตัว เพิ่มความสะดวกสบาย: การมีชุดตรวจทำให้การตรวจหาเชื้อเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้น ทำให้ผู้คนเข้าถึงการตรวจได้ง่ายขึ้น ลดภาระของระบบสาธารณสุข: การตรวจหาเชื้อด้วยตนเองช่วยลดภาระของระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่จำนวนผู้ติดเชื้อสูง ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วม: การมีชุดตรวจทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการควบคุมการแพร่ระบาดมากขึ้น โดยการตรวจหาเชื้อด้วยตนเองและปฏิบัติตามมาตรการที่เหมาะสม

Public health: การมีชุดตรวจเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมโรคระบาดในระดับประชากร Epidemiology: การศึกษาการระบาดของโรคเพื่อทำความเข้าใจการแพร่กระจายของโรคและพัฒนามาตรการควบคุม Behavioral science: การศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค สรุป: การมีชุดตรวจ COVID-19 ด้วยตนเองในปี 2564 มีบทบาทสำคัญในการเร่งการตรวจหาเชื้อและควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงการตรวจได้ง่ายขึ้น และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันตนเองและผู้อื่น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


What is urban ecology primarily concerned with?

The interactions between urban environments and ecosystems

มุมมองที่ครอบคลุม: นิเวศวิทยาในเมืองมองเห็นเมืองไม่ใช่แค่โครงสร้างทางกายภาพ แต่เป็นระบบนิเวศที่ซับซ้อน มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต (ทั้งคนและสัตว์) สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ (อาคาร, ถนน) และกระบวนการทางธรรมชาติ (เช่น วัฏจักรน้ำ) ความท้าทายเฉพาะ: เมืองเป็นระบบนิเวศที่มนุษย์สร้างขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การศึกษาปฏิสัมพันธ์ต่างๆ ช่วยให้เราเข้าใจปัญหาและหาทางแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสำคัญต่อการวางแผนเมือง: ข้อมูลจากการศึกษาทางนิเวศวิทยาในเมืองสามารถนำไปใช้ในการวางแผนและออกแบบเมืองให้มีความยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนเมืองได้

ทฤษฎีระบบนิเวศ: มองเมืองเป็นระบบที่ประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันและมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ทฤษฎีความยั่งยืน: เน้นการพัฒนาเมืองที่ตอบสนองความต้องการของปัจจุบันโดยไม่กระทบต่อความสามารถในการตอบสนองความต้องการของคนรุ่นหลัง ทฤษฎีการวิวัฒนาการของเมือง: ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของเมืองตามกาลเวลาและปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น แนวคิดการบูรณาการ: เน้นการบูรณาการความรู้จากหลากหลายสาขาวิชา เช่น นิเวศวิทยา สังคมวิทยา และเศรษฐศาสตร์ เพื่อแก้ไขปัญหาในเมือง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


Which continent is noted as rapidly urbanizing within the study?

Asia

การเติบโตทางเศรษฐกิจ: ประเทศในเอเชียหลายประเทศประสบความสำเร็จในการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ซึ่งดึงดูดแรงงานจากชนบทเข้าสู่เมืองเพื่อหางานทำและโอกาสที่ดีกว่า อุตสาหกรรม: การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในเมืองใหญ่ๆ ทำให้เกิดความต้องการแรงงานจำนวนมากและดึงดูดผู้คนจากพื้นที่ชนบทให้เข้ามาทำงานในโรงงานและอุตสาหกรรมต่างๆ การลงทุนจากต่างประเทศ: การลงทุนจากต่างประเทศในภาคอุตสาหกรรมและบริการในหลายประเทศเอเชีย ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของเมืองและสร้างงานใหม่ๆ นโยบายภาครัฐ: หลายประเทศในเอเชียนำนโยบายส่งเสริมการเติบโตของเมืองและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเมือง เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการขยายตัวของประชากร การเปลี่ยนแปลงทางสังคม: การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม ทำให้ผู้คนมีความต้องการที่จะเข้ามาอยู่ในเมืองเพื่อเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและโอกาสทางสังคมที่มากขึ้น

ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงทางสังคม (Theory of Social Change): อธิบายถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกิดขึ้นในสังคมเอเชีย ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงจากสังคมเกษตรกรรมมาเป็นสังคมอุตสาหกรรมและบริการ ทฤษฎีการย้ายถิ่น (Migration Theory): อธิบายปัจจัยที่กระตุ้นให้ผู้คนย้ายถิ่นจากชนบทเข้าสู่เมือง เช่น โอกาสทางเศรษฐกิจ สิ่งอำนวยความสะดวก และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทฤษฎีระบบโลก (World-Systems Theory): มองว่าการเติบโตของเมืองในเอเชียเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจโลกที่เชื่อมโยงกัน โดยประเทศในเอเชียทำหน้าที่เป็นฐานการผลิตและการส่งออกให้กับประเทศพัฒนาแล้ว การขยายความเพิ่มเติม: การเติบโตอย่างรวดเร็วของเมืองในเอเชียนำมาซึ่งทั้งโอกาสและความท้าทาย โดยโอกาส ได้แก่ การเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างงานใหม่ๆ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนความท้าทาย ได้แก่ ปัญหาความแออัดของเมือง มลพิษ สลัม และความเหลื่อมล้ำทางสังคม

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


What significant bias is present in the study of urban ecology in Africa?

Limited to capital cities

ความเข้มข้นของทรัพยากร: เมืองหลวงมักมีทรัพยากรสำหรับการวิจัยมากกว่า เช่น มหาวิทยาลัย ห้องปฏิบัติการ และเงินทุน ทำให้นักวิจัยมุ่งเน้นไปที่เมืองเหล่านี้ ความสนใจของรัฐบาล: รัฐบาลหลายประเทศในแอฟริกาให้ความสำคัญกับเมืองหลวงเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้มีการสนับสนุนการวิจัยในเมืองเหล่านี้มากกว่า การเข้าถึงข้อมูล: ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและสังคมในเมืองหลวงมักมีมากและเข้าถึงได้ง่ายกว่าเมืองอื่นๆ ทำให้นักวิจัยสามารถดำเนินการวิจัยได้สะดวกขึ้น การมองข้ามความหลากหลาย: การมุ่งเน้นไปที่เมืองหลวงเพียงอย่างเดียวทำให้มองข้ามความหลากหลายทางนิเวศวิทยาและสังคมในเมืองอื่นๆ ของแอฟริกา ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันอย่างมาก การขยายความ: ความลำเอียงนี้ส่งผลกระทบต่อความเข้าใจของเราเกี่ยวกับนิเวศวิทยาในเมืองของแอฟริกาอย่างมาก เนื่องจากเมืองหลวงมักมีความแตกต่างจากเมืองอื่นๆ ในหลายด้าน เช่น ขนาด ประชากร กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และสภาพแวดล้อม ดังนั้น ผลการวิจัยที่ได้จากเมืองหลวงจึงอาจไม่สามารถนำไปใช้กับเมืองอื่นๆ ได้โดยตรง

ทฤษฎีระบบนิเวศ (Ecosystem theory): ระบบนิเวศในเมืองเป็นระบบที่ซับซ้อนและมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ทั้งทางชีวภาพและกายภาพ การศึกษาที่จำกัดอยู่เพียงแค่เมืองหลวงอาจทำให้เราไม่สามารถเข้าใจระบบนิเวศในเมืองได้อย่างครบถ้วน ทฤษฎีความยั่งยืน (Sustainability theory): การพัฒนามาตรการเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนในเมืองจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่ครอบคลุมและหลากหลาย การศึกษาที่มุ่งเน้นไปที่เมืองหลวงเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เราไม่สามารถพัฒนามาตรการที่เหมาะสมสำหรับเมืองอื่นๆ ได้

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


What factor did the study NOT find influencing research efforts in African urban ecology?

Geographic distribution of studie

การกระจายตัวของการศึกษา เป็นผลลัพธ์ของปัจจัยอื่นๆ มากกว่าที่จะเป็นปัจจัยที่มากระตุ้นการวิจัย เช่น GDP, ความเข้มข้นของการ urbanize, สถานะการอนุรักษ์ ecoregion, และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การกระจายตัวของการศึกษา บ่งบอกถึงความสนใจในการวิจัยในแต่ละพื้นที่ ซึ่งเป็นผลสะท้อนของปัจจัยอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น การเข้าถึงแหล่งทุน, ความพร้อมของนักวิจัย, และนโยบายของรัฐบาล ก็มีส่วนสำคัญในการกำหนดการกระจายตัวของการศึกษาเช่นกัน สรุป: จากการวิเคราะห์เบื้องต้น การกระจายทางภูมิศาสตร์ของการศึกษา น่าจะเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุด เนื่องจากเป็นผลลัพธ์มากกว่าที่จะเป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดการวิจัย ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม: การขยายความ: เพื่อให้คำตอบมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ควรมีการอ้างอิงถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการวิจัยด้านนิเวศวิทยาในเมืองของแอฟริกา ทฤษฎีและแนวคิดที่ใช้ในการอ้างอิง: สามารถอ้างอิงทฤษฎีเกี่ยวกับการกระจายตัวเชิงพื้นที่ (spatial distribution), ทฤษฎีเกี่ยวกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ, และทฤษฎีเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คำตอบที่เป็นไปได้ (พร้อมการขยายความและอ้างอิง) คำตอบ: ปัจจัยที่การศึกษาไม่พบว่ามีอิทธิพลต่อความพยายามในการวิจัยด้านนิเวศวิทยาในเมืองของแอฟริกาคือ การกระจายทางภูมิศาสตร์ของการศึกษา (Geographic distribution of studies) เหตุผล: การกระจายทางภูมิศาสตร์ของการศึกษาเป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากปัจจัยอื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกทำวิจัยในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เช่น ความพร้อมของทรัพยากร, ความสนใจของนักวิจัย, และนโยบายสนับสนุนการวิจัยของรัฐบาล (อ้างอิงถึงงานวิจัยของ [ชื่อนักวิจัย] ปี [ปี] ที่ศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยที่กำหนดการเลือกทำวิจัยในประเทศกำลังพัฒนา)

ทฤษฎีการกระจายตัวเชิงพื้นที่: อธิบายถึงรูปแบบการกระจายตัวของปรากฏการณ์ต่างๆ บนพื้นผิวโลก ซึ่งรวมถึงการกระจายตัวของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ (อ้างอิงถึงหนังสือของ [ชื่อผู้เขียน] เกี่ยวกับทฤษฎีภูมิศาสตร์) ทฤษฎีการพัฒนา: อธิบายถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาของประเทศและชุมชน ซึ่งรวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (อ้างอิงถึงหนังสือของ [ชื่อผู้เขียน] เกี่ยวกับทฤษฎีการพัฒนา) สรุป: แม้ว่าการกระจายทางภูมิศาสตร์ของการศึกษาจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความสนใจในการวิจัยในแต่ละพื้นที่ แต่การกระจายตัวนี้ไม่ได้เป็นสาเหตุหลักที่กระตุ้นให้เกิดการวิจัย แต่เป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากปัจจัยอื่นๆ ที่ซับซ้อนมากขึ้น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


Which method was used to gather data for the study?

All of the above

ในการวิจัยที่ครอบคลุมและน่าเชื่อถือ มักจะใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลหลายวิธีร่วมกัน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่หลากหลายและครอบคลุมทุกมิติของปัญหาที่ศึกษา ตัวอย่างเช่น: การสังเกตโดยตรง: ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมจริงที่เกิดขึ้นในสถานการณ์จริง วิธีการทดลอง: ช่วยให้ทดสอบสมมติฐานและหาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ การทบทวนวรรณกรรม: ช่วยให้เข้าใจงานวิจัยก่อนหน้าและสร้างพื้นฐานความรู้ แบบสอบถามและสัมภาษณ์: ช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความคิดเห็นและทัศนคติของผู้คน การเลือกใช้วิธีการใดขึ้นอยู่กับ: วัตถุประสงค์ของการวิจัย: ต้องการศึกษาอะไร คำถามวิจัย: กำหนดขอบเขตของการศึกษา ทรัพยากรที่มี: เวลา งบประมาณ และบุคลากร

วิธีวิทยาการวิจัย (Research Methodology): เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการวิจัย โดยรวมถึงการเลือกวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผล ความน่าเชื่อถือของข้อมูล (Reliability): หมายถึง ความสอดคล้องของข้อมูลที่ได้จากการวัดซ้ำ ความถูกต้องของข้อมูล (Validity): หมายถึง ความถูกต้องของข้อมูลที่วัดได้ตรงตามสิ่งที่ต้องการวัด การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data Analysis): วิเคราะห์ข้อมูลเชิงตัวเลข เช่น สถิติ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Data Analysis): วิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา เช่น ข้อความจากสัมภาษณ์ สรุป: การเลือกใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่หลากหลายจะช่วยให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ผลการวิจัยที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์ความรู้ในสาขาวิชานั้นๆ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


What does the study suggest is needed for urban ecology research in Africa?

A realignment of research priorities

การวิจัยนิเวศวิทยาในเมืองแอฟริกากำลังเผชิญกับความท้าทายเฉพาะตัว ซึ่งต้องการการปรับเปลี่ยนแนวทางการวิจัยให้สอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่นมากขึ้น ความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม: แอฟริกาเป็นทวีปที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรมสูง การวิจัยจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงความแตกต่างเหล่านี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในแต่ละพื้นที่ ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน: เมืองในแอฟริกากำลังเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ และการขยายตัวของเมือง การวิจัยจึงต้องมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยตรง ทรัพยากรที่จำกัด: การวิจัยในแอฟริกามักเผชิญกับข้อจำกัดด้านทรัพยากร ทั้งงบประมาณและบุคลากร ดังนั้น การกำหนดลำดับความสำคัญของการวิจัยจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การปรับทิศทางลำดับความสำคัญของการวิจัย หมายถึงการให้ความสำคัญกับการวิจัยที่: ตอบสนองความต้องการของชุมชนท้องถิ่น: การวิจัยควรมีส่วนร่วมกับชุมชน เพื่อให้ผลลัพธ์ของการวิจัยเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาที่ชุมชนกำลังเผชิญอยู่ สร้างความรู้ใหม่: การวิจัยควรสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่สามารถนำไปใช้ในการวางแผนและบริหารจัดการเมืองได้อย่างยั่งยืน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างนักวิจัยและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย: การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างนักวิจัยจากหลากหลายสาขา ผู้กำหนดนโยบาย และภาคประชาสังคม จะช่วยให้การวิจัยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นิเวศวิทยาเมือง: ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมในเมือง ระบบนิเวศ: ระบบที่ประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ปฏิสัมพันธ์กัน ความยั่งยืน: การพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการของปัจจุบันโดยไม่กระทบต่อความสามารถของคนรุ่นหลังในการตอบสนองความต้องการของตนเอง วิทยาศาสตร์แบบมีส่วนร่วม: การวิจัยที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน สรุป: การปรับทิศทางลำดับความสำคัญของการวิจัยนิเวศวิทยาในเมืองแอฟริกาเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้การวิจัยมีความสอดคล้องกับบริบทของท้องถิ่นและสามารถตอบสนองความต้องการของชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


Which country was mentioned as having the majority of the studies?

Egypt

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


How did the study categorize the geographic biases in research?

Unevenly distributed

ความหมายของอคติทางภูมิศาสตร์: หมายถึงการที่การวิจัยมุ่งเน้นไปที่พื้นที่บางส่วนของโลกมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ โดยไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่เพียงพอ ซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจที่ไม่ครอบคลุมเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ เหตุผลที่เลือก "Unevenly distributed": ความหลากหลายของภูมิประเทศ: โลกมีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์อย่างมาก ทั้งภูมิประเทศ สภาพอากาศ และวัฒนธรรม การมุ่งเน้นไปที่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเพียงอย่างเดียวจะทำให้ขาดข้อมูลจากพื้นที่อื่น ๆ ที่มีความสำคัญ ทรัพยากร: การเข้าถึงทรัพยากร เช่น งบประมาณ อุปกรณ์ และบุคลากรทางวิชาการ มักไม่เท่าเทียมกันในแต่ละพื้นที่ ทำให้การวิจัยมักกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ที่มีทรัพยากรมาก ความสนใจของนักวิจัย: ความสนใจของนักวิจัยมักถูกชี้นำโดยปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ซึ่งอาจนำไปสู่การเลือกศึกษาเฉพาะพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับตนเองหรือองค์กรที่สนับสนุน การขยายความ: การศึกษาที่จัดประเภทอคติทางภูมิศาสตร์มักพบว่าการวิจัยจำนวนมากมุ่งเน้นไปที่ประเทศพัฒนาแล้ว ภูมิภาคที่ร่ำรวย หรือเมืองใหญ่ ทำให้เกิดช่องว่างในการวิจัยในพื้นที่อื่น ๆ เช่น ประเทศกำลังพัฒนา ภูมิภาคที่ยากจน หรือชนบท ซึ่งอาจมีปัญหาและความท้าทายที่แตกต่างกันออกไป

ทฤษฎีและแนวคิดที่ใช้ในการอ้างอิง: ทฤษฎีการก่อสร้างทางสังคม (Social constructionism): ทฤษฎีนี้เน้นว่าความรู้และความจริงเป็นผลผลิตของกระบวนการทางสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งหมายความว่าการเลือกหัวข้อและวิธีการวิจัยก็ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางสังคมเหล่านี้เช่นกัน ทฤษฎีเชิงวิพากษ์ (Critical theory): ทฤษฎีนี้มุ่งวิพากษ์โครงสร้างอำนาจและความไม่เท่าเทียมในสังคม ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์ว่าอคติทางภูมิศาสตร์สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมในการกระจายทรัพยากรและอำนาจ ทฤษฎีหลังอาณานิคม (Postcolonial theory): ทฤษฎีนี้วิเคราะห์ผลกระทบของการล่าอาณานิคมต่อการผลิตความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่เคยถูกปกครองโดยชาติตะวันตก ซึ่งอาจนำไปสู่การมองโลกในมุมมองที่เป็นศูนย์กลางและให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมตะวันตก

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


What is a key recommendation from the study for improving urban ecology research in Africa?

Encourage transnational collaborations

ความหลากหลายทางชีวภาพและสภาพแวดล้อม: ทวีปแอฟริกามีความหลากหลายทางชีวภาพและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันมาก การวิจัยที่ครอบคลุมหลายประเทศจะช่วยให้เข้าใจระบบนิเวศในเมืองของแอฟริกาได้อย่างรอบด้านมากขึ้น ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ: การร่วมมือกันระหว่างนักวิจัยจากหลายประเทศจะช่วยให้เข้าถึงทรัพยากร เช่น ข้อมูล ข้อมูลเชิงพื้นที่ และความเชี่ยวชาญที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การวิจัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน: ปัญหาทางนิเวศวิทยาในเมืองเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและต้องการความรู้ความเข้าใจในหลายแง่มุม การทำงานร่วมกันข้ามชาติจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาและหาแนวทางแก้ไขได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น การสร้างเครือข่าย: การทำงานร่วมกันจะช่วยสร้างเครือข่ายนักวิจัยที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการแลกเปลี่ยนความรู้และการพัฒนาความสามารถของนักวิจัยในท้องถิ่น

ทฤษฎีระบบนิเวศ: เน้นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม ทฤษฎีความยั่งยืน: เน้นการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการของปัจจุบันโดยไม่กระทบต่อความสามารถในการตอบสนองความต้องการของคนรุ่นหลัง แนวคิดการวิจัยแบบมีส่วนร่วม: เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนในการวิจัย

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


According to the study, what impacts the number of publications in African urban ecology?

Number of universities in a country

ทรัพยากรมนุษย์: มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งผลิตนักวิจัยและบัณฑิตที่มีความรู้และทักษะในการทำวิจัยด้านนิเวศวิทยาในเมือง จำนวนมหาวิทยาลัยที่มากขึ้นจะหมายถึงจำนวนนักวิจัยที่มีศักยภาพในการผลิตงานวิจัยที่มากขึ้นตามไปด้วย โครงสร้างพื้นฐาน: มหาวิทยาลัยมักจะมีห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ และฐานข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการทำวิจัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพและปริมาณของงานวิจัย การสนับสนุนทางการเงิน: มหาวิทยาลัยมักจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลหรือองค์กรต่างๆ เพื่อทำการวิจัย ซึ่งเงินทุนเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในการสนับสนุนโครงการวิจัยด้านนิเวศวิทยาในเมือง เครือข่ายความร่วมมือ: มหาวิทยาลัยมักจะมีเครือข่ายความร่วมมือกับสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้นักวิจัยสามารถเข้าถึงข้อมูลและเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้มากขึ้น

ทฤษฎีทุนมนุษย์ (Human Capital Theory): ทฤษฎีนี้เน้นความสำคัญของการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ เช่น การศึกษาและการฝึกอบรม ซึ่งจะส่งผลต่อการผลิตและนวัตกรรม เศรษฐกิจแห่งความรู้ (Knowledge Economy): เศรษฐกิจแห่งความรู้เน้นความสำคัญของการผลิตและการใช้ความรู้ ซึ่งรวมถึงการวิจัยและพัฒนา ระบบนวัตกรรม (Innovation System): ระบบนวัตกรรมประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์นวัตกรรม เช่น มหาวิทยาลัย ภาคอุตสาหกรรม และรัฐบาล ข้อควรระวัง: การวิเคราะห์นี้เป็นเพียงการวิเคราะห์เบื้องต้นจากข้อมูลที่จำกัด การศึกษาเชิงลึกอาจพบปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อจำนวนสิ่งพิมพ์วิชาการด้านนิเวศวิทยาในเมืองของแอฟริกาได้อีก

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 85.75 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา