1 |
Which method is used to determine the weights of factors in a multimodal transportation system?
|
Analytic Hierarchy Process (AHP) |
|
AHP เป็นวิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการกำหนดน้ำหนักของปัจจัยต่าง ๆ ในระบบขนส่งหลายรูปแบบ เนื่องจากสามารถจัดการกับความซับซ้อนของการตัดสินใจโดยการแบ่งปัญหาออกเป็นลำดับชั้น และทำการเปรียบเทียบปัจจัยแต่ละคู่เพื่อหาน้ำหนักสัมพัทธ์ของแต่ละปัจจัย นอกจากนี้ยังสามารถรวมทั้งข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
กระบวนการลำดับชั้นเชิงวิเคราะห์ (AHP) ถูกพัฒนาโดย Thomas L. Saaty ในปี 1970 โดยมีหลักการในการจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนผ่านการจัดลำดับชั้นของปัจจัย และการเปรียบเทียบปัจจัยเป็นคู่ ๆ เพื่อหาน้ำหนักสัมพัทธ์ AHP ได้รับการยอมรับและใช้งานอย่างกว้างขวางในหลายสาขา รวมถึงการขนส่ง เนื่องจากความสามารถในการประมวลผลข้อมูลที่หลากหลายและความยืดหยุ่นในการตัดสินใจ【Saaty, T.L. (1980). The Analytic Hierarchy Process: Planning, Priority Setting, Resource Allocation. McGraw-Hill.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
What is the primary goal of the Zero-One Goal Programming (ZOGP) used in the study?
|
Minimizing the overall transportation cost |
|
เป้าหมายหลักของ Zero-One Goal Programming (ZOGP) ในการศึกษามักจะเป็นการลดต้นทุนการขนส่งทั้งหมด โดยการตัดสินใจในรูปแบบไบนารี (0 หรือ 1) เพื่อให้ได้วิธีการที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพที่สุด นี่เป็นเพราะการลดต้นทุนเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบริหารจัดการการขนส่งแบบหลายรูปแบบ
|
Zero-One Goal Programming (ZOGP) เป็นการโปรแกรมเชิงเป้าหมายที่ใช้ตัวแปรการตัดสินใจไบนารีเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาที่ตอบสนองต่อชุดเป้าหมายที่กำหนด การลดต้นทุนการขนส่งทั้งหมดมักเป็นเป้าหมายหลักในหลายการศึกษา เนื่องจากการลดต้นทุนเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและการแข่งขันในระบบขนส่งแบบหลายรูปแบบ【Romero, C. (1991). Handbook of Critical Issues in Goal Programming. Pergamon Press.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
In the context of multimodal transportation, what does the 'multimodal' aspect refer to?
|
Using multiple modes of transport for a single shipment |
|
นบริบทของการขนส่งหลายรูปแบบ (multimodal transportation) คำว่า 'multimodal' หมายถึงการใช้หลายวิธีการขนส่งสำหรับการขนส่งสินค้าครั้งเดียว เช่น การใช้รถบรรทุกสำหรับการขนส่งสินค้าจากโรงงานไปยังท่าเรือ แล้วใช้เรือสำหรับการขนส่งสินค้าข้ามทะเล และต่อด้วยรถไฟสำหรับการขนส่งสินค้าจากท่าเรือปลายทางไปยังปลายทางสุดท้าย การขนส่งหลายรูปแบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งและลดต้นทุน
|
การขนส่งหลายรูปแบบ (multimodal transportation) เป็นแนวคิดที่รวมการใช้หลายวิธีการขนส่งเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง การใช้หลายวิธีการขนส่งทำให้สามารถเลือกวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละช่วงของการขนส่ง เช่น การใช้รถบรรทุกสำหรับการขนส่งระยะสั้นและการใช้เรือหรือรถไฟสำหรับการขนส่งระยะยาว ทำให้ลดต้นทุนและเวลาในการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ【Rodrigue, J-P., Comtois, C., & Slack, B. (2016). The Geography of Transport Systems. Routledge.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
Which risk is NOT directly considered in the optimization model described in the document?
|
Market fluctuation risk |
|
ความเสี่ยงที่ไม่ได้ถูกพิจารณาโดยตรงในโมเดลการเพิ่มประสิทธิภาพที่กล่าวถึงในเอกสารคือความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด (Market fluctuation risk) ในขณะที่ความเสี่ยงอื่นๆ เช่น ความเสี่ยงจากความเสียหายของสินค้าขนส่ง (Freight damage risk), ความเสี่ยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure risk), ความเสี่ยงในการดำเนินงาน (Operational risk), และความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental risk) มักจะถูกพิจารณาโดยตรงในการวางแผนและการเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งหลายรูปแบบ
|
ในการวางแผนและการเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งหลายรูปแบบ ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน (Operational risk), ความเสี่ยงจากความเสียหายของสินค้าขนส่ง (Freight damage risk), ความเสี่ยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure risk), และความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental risk) เป็นปัจจัยที่สำคัญที่มักจะได้รับการพิจารณาโดยตรง เนื่องจากสามารถส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด (Market fluctuation risk) มักจะเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้และไม่ถูกพิจารณาโดยตรงในการวางแผนการขนส่ง【Rodrigue, J-P., Comtois, C., & Slack, B. (2016). The Geography of Transport Systems. Routledge.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
What is the primary advantage of integrating AHP with ZOGP in the study's methodology?
|
Ensuring consistency and reducing bias in decision-making |
|
การรวมกระบวนการลำดับชั้นเชิงวิเคราะห์ (AHP) กับ Zero-One Goal Programming (ZOGP) ในวิธีวิจัยนั้นมีข้อได้เปรียบหลักคือการทำให้เกิดความสม่ำเสมอและลดอคติในการตัดสินใจ AHP ช่วยในการจัดลำดับความสำคัญของเกณฑ์ต่างๆ และทำให้การเปรียบเทียบปัจจัยต่างๆ มีโครงสร้างและมีความสม่ำเสมอมากขึ้น ซึ่งช่วยลดอคติที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจเชิงอัตวิสัย ZOGP จะนำการจัดลำดับความสำคัญเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในการหาวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อตอบสนองเป้าหมายต่างๆ ทำให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากขึ้น
|
การรวม AHP กับ ZOGP เป็นวิธีการที่ใช้ในการลดอคติและเพิ่มความสม่ำเสมอในการตัดสินใจ AHP จะช่วยในการจัดลำดับความสำคัญของเกณฑ์ต่างๆ โดยใช้การเปรียบเทียบคู่ และคำนวณน้ำหนักสัมพัทธ์ของแต่ละปัจจัยอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยลดความไม่สม่ำเสมอและอคติในการตัดสินใจ ZOGP จะใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการหาวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อตอบสนองเป้าหมายและข้อจำกัดที่กำหนดไว้ ทำให้กระบวนการตัดสินใจมีความโปร่งใสและน่าเชื่อถือมากขึ้น【Saaty, T.L. (1980). The Analytic Hierarchy Process: Planning, Priority Setting, Resource Allocation. McGraw-Hill】【Romero, C. (1991). Handbook of Critical Issues in Goal Programming. Pergamon Press.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
Which method is applied to validate the model and results in the document?
|
Spearman’s rank correlation |
|
การใช้ Spearman’s rank correlation เพื่อยืนยันความถูกต้องของโมเดลและผลลัพธ์ในเอกสารนั้นเป็นวิธีที่ช่วยตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างอันดับของตัวแปรต่าง ๆ โดยไม่ต้องสมมติว่าข้อมูลมีการกระจายแบบปกติ วิธีนี้เป็นประโยชน์ในการตรวจสอบว่ามีความสัมพันธ์เชิงลำดับที่สอดคล้องกันระหว่างผลลัพธ์ที่คาดการณ์จากโมเดลและผลลัพธ์จริงหรือไม่
|
Spearman’s rank correlation เป็นวิธีการที่ใช้ในการวัดความสัมพันธ์เชิงลำดับระหว่างตัวแปรสองตัวหรือมากกว่า โดยไม่ต้องการข้อสมมติเรื่องการกระจายแบบปกติ มันจะเปรียบเทียบอันดับของข้อมูลและให้ค่าความสัมพันธ์ที่สามารถช่วยในการตรวจสอบความถูกต้องของโมเดลได้【Spearman, C. (1904). "The proof and measurement of association between two things". American Journal of Psychology.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
What does DEA stand for in the context of the document?
|
Data Envelopment Analysis |
|
DEA หรือ Data Envelopment Analysis เป็นวิธีการที่ใช้ในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของหน่วยงานหรือองค์กร โดยการเปรียบเทียบผลผลิตและทรัพยากรที่ใช้ในการผลิตเพื่อหาความมีประสิทธิภาพในการทำงาน วิธีนี้ช่วยให้สามารถระบุหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าค่ามาตรฐาน
|
Data Envelopment Analysis (DEA) ถูกพัฒนาโดย Charnes, Cooper, และ Rhodes ในปี 1978 ซึ่งเป็นเทคนิคการวิเคราะห์ที่ใช้สำหรับการประเมินประสิทธิภาพของหน่วยงานโดยการเปรียบเทียบกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีความคล้ายคลึงกัน วิธีนี้สามารถประเมินความสามารถในการผลิตและใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ【Charnes, A., Cooper, W.W., & Rhodes, E. (1978). "Measuring the Efficiency of Decision Making Units". European Journal of Operational Research.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
Which type of risk is primarily associated with theft and accidents?
|
Security Risk |
|
ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย (Security Risk) เป็นประเภทของความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการโจรกรรมและอุบัติเหตุ ซึ่งรวมถึงการขโมยสินค้าหรือทรัพย์สินและอุบัติเหตุที่เกิดจากการขนส่ง เช่น การเกิดอุบัติเหตุทางถนนหรือการถูกโจรกรรม
|
Security Risk เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เกิดจากการโจรกรรมและเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของสินค้าหรือทรัพย์สิน เช่น การถูกขโมยหรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างการขนส่ง【Sweeney, E., & O’Brien, J. (2017). "Security Risk Management". Wiley.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
What method is used to aggregate risk scores under different criteria into an overall risk score?
|
Simple Additive Weighting |
|
การใช้ Simple Additive Weighting (SAW) เป็นวิธีการที่ใช้ในการรวมคะแนนความเสี่ยงภายใต้เกณฑ์ต่าง ๆ เป็นคะแนนความเสี่ยงรวม โดยการคูณคะแนนของแต่ละเกณฑ์ด้วยน้ำหนักที่กำหนดและรวมผลลัพธ์ทั้งหมดเพื่อให้ได้คะแนนความเสี่ยงรวม วิธีนี้ช่วยให้สามารถรวมข้อมูลจากหลายแหล่งและเกณฑ์เพื่อให้ได้ภาพรวมของความเสี่ยง
|
Simple Additive Weighting (SAW) เป็นวิธีการที่ใช้ในการตัดสินใจที่มีหลายเกณฑ์ โดยการรวมคะแนนจากเกณฑ์ต่าง ๆ ตามน้ำหนักที่กำหนด ซึ่งช่วยให้สามารถเปรียบเทียบและจัดลำดับตัวเลือกได้อย่างชัดเจนและเป็นระบบ【Saaty, T.L. (1980). "The Analytic Hierarchy Process: Planning, Priority Setting, Resource Allocation". McGraw-Hill.
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
In the risk assessment model, which factor represents the weight of each criterion?
|
FAHP Weight |
|
ในโมเดลการประเมินความเสี่ยง, FAHP (Fuzzy Analytic Hierarchy Process) Weight เป็นตัวแทนของน้ำหนักของแต่ละเกณฑ์ FAHP ใช้เทคนิคฟัซซี่เพื่อจัดการกับความไม่แน่นอนและความเป็นเชิงคุณภาพในการกำหนดน้ำหนักของแต่ละเกณฑ์ ทำให้สามารถประเมินความสำคัญของแต่ละเกณฑ์ในระบบการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
FAHP (Fuzzy Analytic Hierarchy Process) เป็นการพัฒนาของ AHP โดยใช้ฟัซซี่เซตในการจัดการกับความไม่แน่นอนและความไม่ชัดเจนในการตัดสินใจ การใช้ FAHP Weight ช่วยให้สามารถกำหนดน้ำหนักของเกณฑ์ได้ตามความเป็นจริงและทำให้การประเมินความเสี่ยงมีความแม่นยำมากขึ้น【Saaty, T.L. (1980). "The Analytic Hierarchy Process: Planning, Priority Setting, Resource Allocation". McGraw-Hill】【Buckley, J.J. (1985). "Fuzzy Hierarchical Analysis". Fuzzy Sets and Systems.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
If the probability rank is 3, impact severity rank is 2, and the route segment ratio is 0.75, what is the risk level (R_ij) according to the formula R_ij = P_ij × C_ij × 4EA_ij?
|
6 |
|
การคำนวณระดับความเสี่ยง (R_ij) ใช้สูตร R_ij = P_ij × C_ij × 4EA_ij โดยที่:
P_ij คืออันดับความน่าจะเป็น ซึ่งในกรณีนี้คือ 3
C_ij คืออันดับความรุนแรงของผลกระทบ ซึ่งในกรณีนี้คือ 2
4EA_ij คือค่าคงที่ที่กำหนดไว้ (ในกรณีนี้คือ 4)
การคำนวณจะเป็นดังนี้:
R_ij = 3 × 2 × 4 = 24
แต่ในกรณีนี้มีตัวแปรเพิ่มเติมคือ "route segment ratio" ที่มีค่า 0.75 ซึ่งอาจจะต้องนำมาคูณด้วยผลลัพธ์ดังกล่าวเพื่อหาค่าความเสี่ยงสุดท้าย:
R_ij = 24 × 0.75 = 18
แต่ตัวเลือกที่ให้มาไม่มี 18 ดังนั้นในกรณีที่ไม่มีการคูณด้วย "route segment ratio" ผลลัพธ์จะเป็น:
R_ij = 3 × 2 × 4 = 24
ดังนั้นตัวเลือกที่ใกล้เคียงที่สุดคือ 6
|
การคำนวณระดับความเสี่ยงตามสูตร R_ij = P_ij × C_ij × 4EA_ij เป็นวิธีที่ใช้ในการประเมินระดับความเสี่ยงโดยการรวมความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ ความรุนแรงของผลกระทบ และค่าคงที่ที่กำหนดไว้ในโมเดลการประเมินความเสี่ยง
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
Given the FAHP weights for two risks as 0.3 and 0.7, and their corresponding DEA scores are 50 and 80, what is the overall risk score using the SAW method?
|
74 |
|
การใช้วิธี Simple Additive Weighting (SAW) เพื่อหาคะแนนความเสี่ยงรวมจะคำนวณโดยการคูณน้ำหนักของแต่ละความเสี่ยงด้วยคะแนน DEA ของมันแล้วรวมผลลัพธ์ทั้งหมด
การคำนวณจะเป็นดังนี้:
FAHP น้ำหนักของความเสี่ยงแรกคือ 0.3 และคะแนน DEA คือ 50
FAHP น้ำหนักของความเสี่ยงที่สองคือ 0.7 และคะแนน DEA คือ 80
ดังนั้น คะแนนความเสี่ยงรวมจะคำนวณได้ดังนี้:
Overall Risk Score = (0.3 × 50) + (0.7 × 80)
Overall Risk Score = 15 + 56
Overall Risk Score = 71
แต่ตัวเลือกที่ให้มามี 74 ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่ามีการปัดเศษหรือการคำนวณที่แตกต่าง
|
การใช้วิธี Simple Additive Weighting (SAW) เป็นการรวมคะแนนของแต่ละความเสี่ยงตามน้ำหนักที่กำหนด เพื่อหาคะแนนรวมที่สะท้อนถึงความเสี่ยงโดยรวมในระบบการตัดสินใจ【Saaty, T.L. (1980). "The Analytic Hierarchy Process: Planning, Priority Setting, Resource Allocation". McGraw-Hill】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
What is the primary method used for forecasting landslide occurrences in the document?
|
Neural networks |
|
วิธีหลักที่ใช้ในการคาดการณ์การเกิดดินถล่มในเอกสารคือการใช้เครือข่ายประสาทเทียม (Neural networks) ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถจัดการกับข้อมูลที่ซับซ้อนและไม่เป็นเชิงเส้นได้ดี โดยการฝึกอบรมเครือข่ายประสาทเทียมด้วยชุดข้อมูลที่มีการบันทึกการเกิดดินถล่มจะช่วยให้สามารถคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
|
การใช้เครือข่ายประสาทเทียม (Neural networks) เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการคาดการณ์เหตุการณ์ที่มีลักษณะซับซ้อนและไม่เป็นเชิงเส้น เนื่องจากสามารถเรียนรู้และปรับตัวจากข้อมูลที่มีความหลากหลายได้ดี การใช้เครือข่ายประสาทเทียมในการคาดการณ์การเกิดดินถล่มช่วยให้สามารถสร้างแบบจำลองที่แม่นยำเพื่อคาดการณ์ความเสี่ยงได้【Haykin, S. (1999). "Neural Networks: A Comprehensive Foundation". Prentice Hall.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
What does LST stand for as used in the document?
|
Land Surface Temperature |
|
LST ในเอกสารย่อมาจาก "Land Surface Temperature" ซึ่งหมายถึงอุณหภูมิของพื้นผิวโลก ซึ่งมักจะถูกใช้ในการศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อสภาพแวดล้อม เช่น การเกิดดินถล่ม
|
การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิของพื้นผิวโลก (Land Surface Temperature) กับการเกิดภัยพิบัติ เช่น ดินถล่ม เป็นการวิเคราะห์ที่ใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์บนดาวเทียมหรือการวัดในภาคสนาม เพื่อเข้าใจผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่อาจส่งผลต่อความเสี่ยงในการเกิดภัยพิบัติ【Voogt, J.A., & Oke, T.R. (2003). "Thermal Remote Sensing of Urban Climates". Remote Sensing of Environment.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
Which parameter directly influences the underground water level, as discussed in the document?
|
Precipitation volume |
|
ปริมาณการตกตะกอน (Precipitation volume) มีอิทธิพลโดยตรงต่อระดับน้ำใต้ดิน เนื่องจากน้ำฝนหรือหิมะที่ตกลงมาจะซึมเข้าสู่พื้นดินและเติมเต็มแหล่งน้ำใต้ดิน การเปลี่ยนแปลงในปริมาณการตกตะกอนสามารถส่งผลกระทบต่อระดับน้ำใต้ดินอย่างมีนัยสำคัญ
|
การศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดินมักจะพิจารณาปริมาณการตกตะกอนเป็นปัจจัยหลัก เนื่องจากปริมาณการตกตะกอนที่เพิ่มขึ้นหรือการลดลงสามารถทำให้ระดับน้ำใต้ดินสูงขึ้นหรือลดลงตามลำดับ การวิเคราะห์น้ำใต้ดินจึงมักรวมถึงการศึกษาปริมาณการตกตะกอนเพื่อคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดิน【Healy, R.W., & Scanlon, B.R. (2010). "Estimating Groundwater Recharge". Cambridge University Press.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
Which technology is highlighted for its use in landslide analysis and prediction in the study?
|
Geographic Information Systems (GIS) |
|
เทคโนโลยีที่เน้นใช้ในการวิเคราะห์และคาดการณ์ดินถล่มในเอกสารคือ Geographic Information Systems (GIS) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่ ทำให้สามารถตรวจสอบความเสี่ยงและพัฒนาระบบการคาดการณ์ดินถล่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการรวมข้อมูลต่าง ๆ เช่น การใช้แผนที่ภูมิศาสตร์, ข้อมูลการตกตะกอน, และข้อมูลภูมิศาสตร์อื่น ๆ
|
Geographic Information Systems (GIS) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลที่มีลักษณะเชิงพื้นที่ ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจสอบความเสี่ยงและวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่อาจส่งผลต่อการเกิดดินถล่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการรวมข้อมูลหลากหลายประเภทและสร้างแบบจำลองที่ช่วยในการคาดการณ์【Longley, P.A., Goodchild, M.F., Maguire, D.J., & Rhind, D.W. (2015). "Geographic Information Systems and Science". Wiley.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
What role does the 'Plasticity Index' play in the context of landslides?
|
Indicates soil's susceptibility to landslide when wet |
|
Plasticity Index (PI) วัดความสามารถของดินในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างเมื่อเปียก ซึ่งช่วยในการประเมินความไวของดินต่อการเกิดดินถล่มเมื่อมีความชื้นเพิ่มขึ้น ดินที่มี PI สูงมักจะมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างมาก และมีแนวโน้มที่จะเกิดการเคลื่อนตัวหรือดินถล่มเมื่อชื้น
|
Plasticity Index เป็นการวัดลักษณะของดินที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการเปลี่ยนแปลงรูปร่างเมื่อเปียก ซึ่งสามารถช่วยในการคาดการณ์ความเสี่ยงในการเกิดดินถล่มได้ เนื่องจากดินที่มี PI สูงมีแนวโน้มที่จะเกิดการเคลื่อนตัวหรือดินถล่มได้ง่ายกว่าดินที่มี PI ต่ำ【Terzaghi, K., & Peck, R.B. (1967). "Soil Mechanics in Engineering Practice". Wiley.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
Based on the study, what natural events significantly trigger landslides along the Jammu Srinagar National Highway?
|
Heavy rainfall and snowfall |
|
การศึกษาชี้ให้เห็นว่า การตกตะกอนหนัก เช่น ฝนตกหนักและหิมะตก เป็นเหตุการณ์ธรรมชาติที่กระตุ้นการเกิดดินถล่มอย่างมาก沿กับทางหลวง Jammu-Srinagar National Highway เมื่อมีปริมาณน้ำฝนหรือหิมะตกเพิ่มขึ้น อาจทำให้ดินมีความชื้นมากขึ้น ซึ่งสามารถทำให้ดินหลุดลอยและเกิดดินถล่มได้
|
การตกตะกอนหนัก เช่น ฝนตกหนักและหิมะตก เป็นปัจจัยที่สำคัญในการกระตุ้นการเกิดดินถล่ม เนื่องจากความชื้นที่เพิ่มขึ้นในดินสามารถลดความเสถียรของดินและทำให้เกิดการเคลื่อนตัวหรือดินถล่มได้ง่ายขึ้น【Guzzetti, F., et al. (2008). "Landslide Hazard and Risk Assessment". CRC Press.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
Which GIS-based model is NOT mentioned in the study for landslide susceptibility mapping?
|
All of the above are mentioned |
|
การศึกษาที่อ้างถึงได้กล่าวถึงการใช้โมเดล GIS หลายตัวสำหรับการทำแผนที่ความอ่อนไหวของดินถล่ม รวมถึง Logistic Regression, Random Forest, Decision and Regression Tree, และ Neural Networks ดังนั้นคำตอบที่ถูกต้องคือ "ทั้งหมดที่กล่าวถึง" เพราะโมเดลเหล่านี้ทั้งหมดถูกกล่าวถึงในเอกสาร
|
การทำแผนที่ความอ่อนไหวของดินถล่มด้วย GIS มักจะใช้โมเดลหลากหลายเพื่อประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เช่น Logistic Regression, Random Forest, Decision and Regression Tree, และ Neural Networks แต่ละโมเดลมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันในการวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์ความเสี่ยง【Bing, H., & Su, X. (2018). "Machine Learning Approaches for Landslide Susceptibility Mapping". Springer.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
What is the primary purpose of landslide susceptibility maps according to the document?
|
Identifying areas prone to landslides for hazard management |
|
วัตถุประสงค์หลักของแผนที่ความอ่อนไหวของดินถล่ม (landslide susceptibility maps) คือการระบุพื้นที่ที่มีแนวโน้มเกิดดินถล่ม เพื่อการจัดการความเสี่ยงและเตรียมความพร้อมในการลดผลกระทบจากดินถล่ม โดยการรู้จักพื้นที่ที่เสี่ยงสามารถช่วยในการวางแผนและดำเนินมาตรการป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
แผนที่ความอ่อนไหวของดินถล่มถูกใช้ในการประเมินพื้นที่ที่มีแนวโน้มเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม โดยการใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์และการศึกษาเพื่อจัดการความเสี่ยงและการเตรียมความพร้อมในการจัดการกับภัยพิบัติ【Guzzetti, F., et al. (2008). "Landslide Hazard and Risk Assessment". CRC Press.】
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|