ตรวจข้อสอบ > ปิยพิชญ์ พุ่มทอง > การแข่งขันและทดสอบความถนัดทางการแพทย์ | ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 6 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


ข้อใดต่อไปนี้อธิบายแนวคิด การรับรู้จังหวะ (Beat Perception) ได้ดีที่สุดเนื่องจากเกี่ยวข้องกับความสามารถในการได้ยินของทารกแรกเกิด

การแยกจังหวะที่สม่ำเสมอจากลำดับเสียง

"EEG experiments used binary accented sequences to distinguish between beat perception and statistical learning, revealing beat processing in newborns under isochronous conditions but not under jittered conditions. "ประโยคนี้แสดงให้เห็นว่า การรับรู้จังหวะ (Beat Perception) ในการทดลองเกี่ยวข้องกับความสามารถในการแยกแยะจังหวะที่สม่ำเสมอ (isochronous conditions) จากลำดับเสียง ดังนั้นคำตอบที่เหมาะสมที่สุดคือ การแยกจังหวะที่สม่ำเสมอจากลำดับเสียง

จากบทความมีการกล่าวถึงการทดลองที่ใช้ลำดับเสียงแบบมีการเน้นเสียง (binary accented sequences) เพื่อวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างการรับรู้จังหวะและการเรียนรู้เชิงสถิติ ซึ่งผลการทดลองชี้ให้เห็นว่า ทารกแรกเกิดสามารถประมวลผลจังหวะ (beat processing) ได้เมื่อเสียงมีจังหวะสม่ำเสมอ แต่ไม่สามารถทำได้ในสภาพที่เสียงขาดความสม่ำเสมอ ดังนั้น การรับรู้จังหวะจึงเชื่อมโยงโดยตรงกับความสามารถในการแยกแยะเสียงที่มีจังหวะเป็นระเบียบจากลำดับเสียงที่ทารกรับฟัง การเลือกคำตอบ 3. การแยกจังหวะที่สม่ำเสมอจากลำดับเสียง นั้นเกี่ยวข้องกับแนวคิดของการรับรู้จังหวะ (Beat Perception) ซึ่งเป็นความสามารถที่สำคัญของทารกแรกเกิดในการแยกแยะลักษณะของเสียงที่มีจังหวะเป็นระเบียบ (isochronous) จากเสียงที่ไม่สม่ำเสมอ (jittered conditions)

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


จากการวิจัย ทารกแรกเกิดใช้วิธีทดลองตามข้อใดในการแยกแยะการรับรู้จังหวะจากการเรียนรู้ทางสถิติในทารกแรกเกิด

การติดตามการทำงานของสมองโดยใช้ EEG ในระหว่างการกระตุ้นการได้ยิน

ข้อความที่ระบุชัดเจนว่า "EEG experiments used binary accented sequences to distinguish between beat perception and statistical learning..." ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการทดลองใช้ EEG เพื่อติดตามการทำงานของสมองขณะที่กระตุ้นด้วยเสียงลำดับแบบมีการเน้นจังหวะ (binary accented sequences)

"EEG experiments used binary accented sequences to distinguish between beat perception and statistical learning, revealing beat processing in newborns under isochronous conditions but not under jittered conditions." ซึ่งหมายความว่าการทดลองในงานวิจัยนี้ใช้ EEG เป็นเครื่องมือหลักในการแยกแยะการรับรู้จังหวะ (beat perception) และการเรียนรู้ทางสถิติ (statistical learning) โดยการกระตุ้นด้วยเสียงลำดับที่มีการเน้นจังหวะ (binary accented sequences) ในเงื่อนไขที่มีช่วงเวลาเสียงคงที่ (isochronous conditions)

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


การตอบสนองที่ไม่ตรงกัน (MMR) ในการศึกษา EEG บ่งชี้อะไรเกี่ยวกับการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิด

ความไวต่อการละเมิดความสม่ำเสมอในลำดับเสียง

ข้อความที่ระบุชัดเจนว่า "EEG experiments used binary accented sequences to distinguish between beat perception and statistical learning..." ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการทดลองใช้ EEG เพื่อติดตามการทำงานของสมองขณะที่กระตุ้นด้วยเสียงลำดับแบบมีการเน้นจังหวะ (binary accented sequences)

"EEG experiments used binary accented sequences to distinguish between beat perception and statistical learning, revealing beat processing in newborns under isochronous conditions but not under jittered conditions." ซึ่งหมายความว่าการทดลองในงานวิจัยนี้ใช้ EEG เป็นเครื่องมือหลักในการแยกแยะการรับรู้จังหวะ (beat perception) และการเรียนรู้ทางสถิติ (statistical learning) โดยการกระตุ้นด้วยเสียงลำดับที่มีการเน้นจังหวะ (binary accented sequences) ในเงื่อนไขที่มีช่วงเวลาเสียงคงที่ (isochronous conditions)

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


คำว่า "การเรียนรู้ทางสถิติ (Statistical Learning)" หมายถึงอะไรในบริบทของการประมวลผลการได้ยินในทารกแรกเกิด?

การแยกความสม่ำเสมอออกจากลำดับของเสียงโดยไม่มีการตอบรับที่ชัดเจน

ข้อความที่ระบุชัดเจนว่า "EEG experiments used binary accented sequences to distinguish between beat perception and statistical learning..." ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการทดลองใช้ EEG เพื่อติดตามการทำงานของสมองขณะที่กระตุ้นด้วยเสียงลำดับแบบมีการเน้นจังหวะ (binary accented sequences)

มีข้อความว่า: "No evidence of statistical learning without isochronous stimulation in newborns." ประโยคนี้แสดงให้เห็นว่าการเรียนรู้ทางสถิติในทารกแรกเกิดเกี่ยวข้องกับความสามารถในการจับความสม่ำเสมอในเสียง แต่ไม่ได้หมายถึงการตอบสนองอย่างเด่นชัดหรือการวิเคราะห์เชิงลึก ดังนั้น คำตอบที่สอดคล้องที่สุดคือ "การแยกความสม่ำเสมอออกจากลำดับของเสียงโดยไม่มีการตอบรับที่ชัดเจน"

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


สภาวะใดในการศึกษา EEG ไม่ได้ส่งผลให้เกิดความแตกต่างระหว่างการตอบสนองแบบจังหวะและการตอบสนองที่ผิดปกติในทารกแรกเกิด

สภาพความเงียบ

ในบริบทของการศึกษา EEG เพื่อวัดการตอบสนองการได้ยินของทารกแรกเกิด การเปรียบเทียบระหว่าง Beat Perception (การรับรู้จังหวะ) และ Statistical Learning (การเรียนรู้ทางสถิติ) นั้นอาศัยการตรวจจับสัญญาณทางสมองที่เกิดขึ้นจากการกระตุ้นด้วยเสียงในรูปแบบต่างๆ เช่น เสียงที่มีจังหวะสม่ำเสมอ (Isochronous Stimulation) หรือเสียงที่มีการจัดเรียงแบบสุ่ม (Jittered Condition)

ข้อความที่ระบุว่า "No evidence of statistical learning without isochronous stimulation in newborns." แสดงให้เห็นว่าสภาวะที่ไม่มีการกระตุ้นด้วยเสียง เช่น ความเงียบ ไม่ได้ส่งผลให้เกิดความแตกต่างระหว่างการตอบสนองแบบจังหวะ (Beat Perception) และการตอบสนองที่ผิดปกติ (Mismatch Responses - MMR) ในการศึกษา EEG ของทารกแรกเกิด ดังนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่าสภาพความเงียบไม่มีผลต่อการตรวจจับการตอบสนองเหล่านี้เมื่อเปรียบเทียบกับสภาวะอื่นที่มีการกระตุ้นด้วยเสียง เช่น ภาวะไอโซโครนัสหรือภาวะที่มีเสียงไพเราะ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


กลไกทางประสาทใดที่คิดว่ารองรับการเคลื่อนไหวให้ตรงกันกับจังหวะ

การเปิดใช้งานกระจกเซลล์ประสาท

"การประมวลผลจังหวะและการเคลื่อนไหวเกี่ยวข้องกับการตอบสนองของระบบประสาทที่สัมพันธ์กันในระดับสูง เช่น การทำงานของเซลล์ประสาทกระจก" ข้อความนี้ชี้ชัดว่าเซลล์ประสาทกระจกมีบทบาทสำคัญในการรองรับการเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์กับจังหวะดนตรีหรือเสียง กลไกทางประสาทที่เกี่ยวข้องมากที่สุดคือ "การเปิดใช้งานกระจกเซลล์ประสาท" เนื่องจากเซลล์ประสาทกระจกเป็นที่รู้จักในฐานะระบบที่ช่วยประสานความเข้าใจและการเลียนแบบการเคลื่อนไหว รวมถึงการตอบสนองต่อจังหวะที่ได้รับผ่านเสียงหรือดนตรี

"การประมวลผลจังหวะและการเคลื่อนไหวเกี่ยวข้องกับการตอบสนองของระบบประสาทที่สัมพันธ์กันในระดับสูง เช่น การทำงานของเซลล์ประสาทกระจก" ข้อความนี้ชี้ชัดว่าเซลล์ประสาทกระจกมีบทบาทสำคัญในการรองรับการเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์กับจังหวะดนตรีหรือเสียง กลไกทางประสาทที่เกี่ยวข้องมากที่สุดคือ "การเปิดใช้งานกระจกเซลล์ประสาท" เนื่องจากเซลล์ประสาทกระจกเป็นที่รู้จักในฐานะระบบที่ช่วยประสานความเข้าใจและการเลียนแบบการเคลื่อนไหว รวมถึงการตอบสนองต่อจังหวะที่ได้รับผ่านเสียงหรือดนตรี

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


การรับรู้จังหวะในทารกแรกเกิดสัมพันธ์กับความสามารถทางดนตรีในภายหลังอย่างไร

เป็นพื้นฐานในการพัฒนาการประสานงานจังหวะและเวลา

"การประมวลผลจังหวะในทารกแรกเกิดเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบประสาทที่เชื่อมโยงกับการจับจังหวะและเวลา" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการรับรู้จังหวะในวัยทารกมีบทบาทเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการพัฒนาทักษะในการประสานงานด้านจังหวะและเวลาในภายหลัง คำตอบที่เหมาะสมที่สุดคือ "เป็นพื้นฐานในการพัฒนาการประสานงานจังหวะและเวลา" เพราะการรับรู้จังหวะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเล่นเครื่องดนตรีหรือการร้องเพลง แต่เป็นการสร้างรากฐานสำหรับความสามารถที่ซับซ้อนด้านดนตรีในอนาคต

เรื่องการศึกษาการรับรู้จังหวะในทารกแรกเกิด มีการระบุว่า "การรับรู้จังหวะในทารกแรกเกิดเกี่ยวข้องกับการประมวลผลการจับจังหวะและเวลา" โดยที่การประมผลเหล่านี้จะช่วยให้ทารกสามารถเข้าใจและปรับตัวเข้ากับจังหวะต่าง ๆ ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานสำหรับการพัฒนาในด้านการประสานงานของร่างกายกับเวลาและจังหวะในอนาคตการที่ทารกแรกเกิดสามารถรับรู้จังหวะและประมวลผลการเคลื่อนไหวให้ตรงกับจังหวะ (Rhythmic Entrainment) มีผลต่อการพัฒนาทักษะในการควบคุมจังหวะในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การร้องเพลง, การเต้น, หรือการเล่นเครื่องดนตรีในอนาคต การศึกษานี้ไม่ได้บอกถึงการทำนายความสามารถในการเล่นเครื่องดนตรีหรือร้องเพลงโดยตรง แต่เน้นไปที่การพัฒนาพื้นฐานด้านการประสานงานจังหวะและเวลาที่จะมีผลต่อการพัฒนาทักษะเหล่านี้ในภายหลัง ดังนั้น การเลือก "เป็นพื้นฐานในการพัฒนาการประสานงานจังหวะและเวลา" จึงตรงกับข้อมูลที่ได้กล่าวไว้ในส่วนของการพัฒนาเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับจังหวะและเวลา

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


ภาวะที่ไม่ต่อเนื่องในการศึกษาทางการได้ยินมักเกี่ยวข้องกับอะไร?

ช่วงเวลาสุ่มระหว่างเสียง

ในการศึกษาทางการได้ยินของทารกแรกเกิด มีการกล่าวถึง "การแยกแยะระหว่างการรับรู้จังหวะและการเรียนรู้ทางสถิติในทารกแรกเกิดโดยการใช้การกระตุ้นทางเสียงในสภาพแวดล้อมที่มีการกระจายเสียงที่ไม่สม่ำเสมอ" ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทดสอบที่มี "ช่วงเวลาสุ่มระหว่างเสียง" ซึ่งช่วยให้ทราบถึงการรับรู้ของทารกในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในลำดับเสียงที่ไม่สม่ำเสมอ "ช่วงเวลาสุ่มระหว่างเสียง" เป็นภาวะที่ไม่ต่อเนื่องในการศึกษาทางการได้ยินที่ได้ผลจากการทดลองที่กล่าวถึงในข้อมูล

มีการพูดถึงการทดลองที่ใช้ในการศึกษา การรับรู้จังหวะ (Beat Perception) และ การเรียนรู้ทางสถิติ (Statistical Learning) ของทารกแรกเกิด โดยการใช้การกระตุ้นทางเสียงที่มีลำดับเสียงแตกต่างกันในลักษณะต่างๆ เพื่อศึกษาความสามารถของทารกในการแยกแยะและประมวลผลเสียงที่มีลำดับเป็นระเบียบและไม่เป็นระเบียบ ช่วงเวลาสุ่มระหว่างเสียง เป็นลักษณะของการจัดระเบียบเสียงที่ไม่ต่อเนื่อง เช่น การมีช่วงเวลาไม่สม่ำเสมอระหว่างเสียง ซึ่งในการศึกษาการรับรู้จังหวะในทารกแรกเกิดนั้นมีการทดสอบและกระตุ้นเสียงที่มีลำดับไม่สม่ำเสมอในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


จุดประสงค์หลักของการใช้ EEG ในการศึกษาการประมวลผลการได้ยินในทารกแรกเกิดคืออะไร

บันทึกการตอบสนองของสมองต่อเสียง

EEG (electroencephalogram) ในการศึกษาการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิด มีการกล่าวถึงว่า EEG ใช้ในการ บันทึกการตอบสนองของสมองต่อการกระตุ้นเสียง โดยเฉพาะการศึกษาเกี่ยวกับการรับรู้จังหวะและการตอบสนองของสมองต่อเสียงที่มีลำดับต่างๆ ในการทดลอง โดยจะใช้ EEG เพื่อดูการตอบสนองของสมองต่อการกระตุ้นเสียงที่มีลำดับเป็นระเบียบ (isochronous) และไม่เป็นระเบียบ (jittered) ซึ่งเป็นการตรวจสอบว่าสมองของทารกมีการตอบสนองต่อการกระตุ้นเสียงอย่างไร

สรุปได้ว่า การบันทึกการตอบสนองของสมองต่อเสียง เป็นจุดประสงค์หลักที่ใช้ EEG ในการศึกษานี้ คำตอบคือ: "EEG experiments used binary accented sequences to distinguish between beat perception and statistical learning..." ในการศึกษาการประมวลผลการได้ยินในทารกแรกเกิดที่ใช้ EEG (electroencephalogram) นักวิจัยได้ใช้เครื่องมือนี้เพื่อตรวจสอบและบันทึกการตอบสนองของสมองของทารกที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับการกระตุ้นด้วยเสียง โดย EEG สามารถช่วยจับสัญญาณไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในสมองเมื่อทารกตอบสนองต่อเสียงต่างๆ การบันทึกข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้นักวิจัยเข้าใจการทำงานของสมองในขณะที่รับรู้เสียงหรือจังหวะของเสียง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


คุณลักษณะการได้ยินใดที่ไม่ได้รับการศึกษาโดยตรงในการวิจัยการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิด

ความเข้าใจภาษา

ในการศึกษาการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิดผ่านการใช้ EEG เน้นที่การประมวลผลจังหวะและการเรียนรู้ทางสถิติจากลำดับเสียง (statistical learning) และการรับรู้จังหวะ (beat perception) เช่น การตอบสนองต่อเสียงที่มีจังหวะสม่ำเสมอ (isochronous) หรือไม่สม่ำเสมอ (jittered) ข้อมูลไม่ได้กล่าวถึงการศึกษาเกี่ยวกับ ความเข้าใจภาษา ในบริบทนี้โดยตรง ประโยคที่ทำให้ฉันทราบคำตอบคือ: "ในการศึกษานี้ ไม่มีการกล่าวถึงการศึกษาเกี่ยวกับความเข้าใจภาษา..."

ในการศึกษาการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิดผ่านการใช้ EEG เน้นที่การประมวลผลจังหวะและการเรียนรู้ทางสถิติจากลำดับเสียง (statistical learning) และการรับรู้จังหวะ (beat perception) เช่น การตอบสนองต่อเสียงที่มีจังหวะสม่ำเสมอ (isochronous) หรือไม่สม่ำเสมอ (jittered) ข้อมูลไม่ได้กล่าวถึงการศึกษาเกี่ยวกับ ความเข้าใจภาษา ในบริบทนี้โดยตรง ประโยคที่ทำให้ฉันทราบคำตอบคือ: "ในการศึกษานี้ ไม่มีการกล่าวถึงการศึกษาเกี่ยวกับความเข้าใจภาษา..." การศึกษาการประมวลผลการได้ยินในทารกแรกเกิดนั้น มุ่งเน้นไปที่การประมวลผลการรับรู้จังหวะ การเรียนรู้ทางสถิติ (statistical learning) และการตอบสนองต่อจังหวะเสียงต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเข้าใจการจัดลำดับของเสียงและการรับรู้ความสม่ำเสมอของจังหวะเสียงในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะในการตอบสนองต่อการกระตุ้นที่มีจังหวะตามลำดับเสียงที่มีความสม่ำเสมอ (isochronous) หรือไม่สม่ำเสมอ (jittered)

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


คำใดที่ใช้อธิบายลักษณะที่ปรากฏของความน่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์ซึ่งใช้ในการตลาดการบำบัดด้วยเซลล์ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์

สัญลักษณ์แห่งความชอบธรรมทางวิทยาศาสตร์

จากข้อมูลที่ให้มาในบทความเกี่ยวกับการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ มีการกล่าวถึงการใช้ "สัญลักษณ์แห่งความชอบธรรมทางวิทยาศาสตร์" เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ โดยมักจะใช้ในกลยุทธ์การตลาดเพื่อให้ผู้บริโภคเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน ประโยคในข้อมูลที่อธิบายเรื่องนี้คือ: "การใช้ 'สัญลักษณ์แห่งความชอบธรรมทางวิทยาศาสตร์' เพื่อทำให้การบำบัดที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ดูเหมือนน่าเชื่อถือ"

"สัญลักษณ์แห่งความชอบธรรมทางวิทยาศาสตร์" เป็นคำที่ใช้อธิบายลักษณะการสร้างความน่าเชื่อถือโดยการใช้สัญลักษณ์หรือการอ้างอิงถึงสิ่งที่ดูเหมือนว่ามีความน่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์ แม้ว่าจะยังไม่ได้รับการพิสูจน์จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จริงๆ ในการตลาดการบำบัดด้วยเซลล์ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ มักมีการใช้กลยุทธ์นี้เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคหรือผู้ที่มองหาวิธีการรักษาที่มีลักษณะทางวิทยาศาสตร์ ทั้งๆ ที่การรักษาดังกล่าวยังไม่ได้ผ่านการวิจัยที่เพียงพอหรือการพิสูจน์ในทางการแพทย์ ในข้อมูลที่ให้มาเกี่ยวกับการวิจัยการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ กล่าวถึงการใช้กลยุทธ์การตลาดประเภทนี้ในการโปรโมทผลิตภัณฑ์หรือการรักษาที่ยังไม่มีการรับรองหรือการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ที่แข็งแรง ด้วยการใช้สัญลักษณ์หรือการอ้างอิงถึงวิทยาศาสตร์ เพื่อทำให้มันดูมีความน่าเชื่อถือ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


จากบทความ ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่กลไกการรายงานที่ได้รับการยอมรับสำหรับผลข้างเคียงจากการบำบัดด้วยเซลล์และยีน

หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค

ส่วนประโยคที่บอกให้รู้คำตอบนี้คือ: "การรายงานผลข้างเคียงจากการบำบัดด้วยเซลล์และยีนจะผ่านหน่วยงานต่างๆ เช่น ClinicalTrials.Gov, MedWatch โดย อย. (FDA), EudraVigilance โดย EMA, พอร์ทัลการรายงานความปลอดภัยของ TGA."

จากข้อมูลที่ให้มาในการศึกษาผลข้างเคียงจากการบำบัดด้วยเซลล์และยีน จะเห็นว่ามีการกล่าวถึงกลไกการรายงานที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งประกอบไปด้วยแหล่งข้อมูลและหน่วยงานทางการ เช่น ClinicalTrials.Gov, MedWatch โดย อย. (FDA), EudraVigilance โดย EMA, และ พอร์ทัลการรายงานความปลอดภัยของ TGA. ทั้งหมดนี้เป็นระบบหรือหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับในการรายงานผลข้างเคียงจากการบำบัด ในทางกลับกัน หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในฐานะกลไกการรายงานผลข้างเคียงจากการบำบัดด้วยเซลล์และยีน ดังนั้นจึงเป็นคำตอบที่ไม่ใช่กลไกการรายงานที่ได้รับการยอมรับ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


การพิจารณาด้านจริยธรรมประการใดที่ถูกท้าทายโดยการตลาดโดยตรงสู่ผู้บริโภคสำหรับการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์

กระบวนการแจ้งความยินยอม

เกี่ยวกับการตลาดโดยตรงสู่ผู้บริโภคสำหรับการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ การตลาดเช่นนี้ทำให้การพิจารณาด้านจริยธรรมหลายประการถูกท้าทาย โดยเฉพาะในเรื่องของการแจ้งความยินยอมจากผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยอาจไม่ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนหรือชัดเจนเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอนของการบำบัด ประโยคที่บอกให้รู้คำตอบนี้คือ: "การตลาดโดยตรงสู่ผู้บริโภคทำให้การพิจารณาด้านจริยธรรมถูกท้าทาย โดยเฉพาะในกระบวนการแจ้งความยินยอมที่อาจไม่ได้รับการแจ้งข้อมูลอย่างเต็มที่เกี่ยวกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอน."

คำตอบที่เลือก "กระบวนการแจ้งความยินยอม" ถูกท้าทายจากการตลาดโดยตรงสู่ผู้บริโภคสำหรับการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ เนื่องจากการบำบัดในลักษณะนี้มักถูกนำเสนอให้แก่ผู้บริโภคที่ไม่ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้น ผู้บริโภคอาจไม่ได้มีโอกาสตัดสินใจอย่างมีข้อมูลหรือเข้าใจทุกแง่มุมเกี่ยวกับการรักษานี้อย่างชัดเจน ในกรณีของการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ การตลาดแบบนี้อาจไม่ทำให้ผู้ป่วยหรือผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่จำเป็นในการตัดสินใจว่าจะยินยอมให้มีการบำบัดหรือไม่ การขาดกระบวนการแจ้งความยินยอมที่เหมาะสมจึงเป็นหนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นในด้านจริยธรรม

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


คุณลักษณะหลักใดที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการพิสูจน์ตามมาตรฐานกฎระเบียบ

การอนุญาตก่อนการตลาดโดยหน่วยงานกำกับดูแล

ประโยคที่ยืนยันคำตอบนี้จากข้อมูลที่ให้มา คือ "การตลาดโดยตรงสู่ผู้บริโภคสำหรับการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ ... ซึ่งอาจจะไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล"

เกี่ยวกับการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์, หนึ่งในลักษณะสำคัญที่แยกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิสูจน์ตามมาตรฐานกฎระเบียบออกจากผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ คือ "การอนุญาตก่อนการตลาดโดยหน่วยงานกำกับดูแล" ซึ่งหมายถึงการที่ผลิตภัณฑ์ได้รับการทบทวนและอนุมัติโดยหน่วยงานที่มีอำนาจ เช่น FDA หรือ EMA ก่อนที่จะสามารถนำไปขายหรือใช้ในตลาดได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์มักจะถูกตลาดไปยังผู้บริโภคก่อนที่จะมีการตรวจสอบและอนุมัติตามมาตรฐานจากหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงทั้งในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา ประโยคที่ยืนยันคำตอบนี้จากข้อมูลที่ให้มา คือ "การตลาดโดยตรงสู่ผู้บริโภคสำหรับการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ ... ซึ่งอาจจะไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล"

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


ข้อใดต่อไปนี้เป็นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ซึ่งเน้นไว้ในบทความ

ศักยภาพของความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ร้ายแรง

ประโยคที่ยืนยันคำตอบนี้จากข้อมูลที่ให้มาในบทความ คือ "การบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ร้ายแรง"

ตามข้อมูลที่ให้มาในบทความเกี่ยวกับการตลาดของผลิตภัณฑ์ CGT (Cell and Gene Therapy) ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์, ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้คือ "ศักยภาพของความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ร้ายแรง" เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ได้ผ่านการทดสอบอย่างละเอียดและการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจส่งผลให้มีความเสี่ยงที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งสามารถมีผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้ใช้ ประโยคที่ยืนยันคำตอบนี้จากข้อมูลที่ให้มาในบทความ คือ "การบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ร้ายแรง"

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ลักษณะทั่วไปของผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ตามที่กล่าวไว้ในบทความ

การอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญ

จากข้อมูลในบทความ, ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์มักจะขาดการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญ เช่น FDA หรือ EMA ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ผ่านการทดสอบและการรับรองตามมาตรฐานทางการแพทย์ ประโยคที่ยืนยันคำตอบนี้จากข้อมูลในบทความคือ "ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์มักขาดการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญ"

ในการศึกษาการตลาดของผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์, ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะขาดการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญ เช่น FDA หรือ EMA ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการตรวจสอบและอนุมัติผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการแพทย์ก่อนที่จะนำไปใช้กับประชาชน จากบทความที่กล่าวถึง, จุดที่สำคัญคือผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์มักไม่มีการรับรองจากหน่วยงานดังกล่าว, ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจมีความเสี่ยงต่อผู้ใช้ โดยที่การตรวจสอบคุณภาพ, ความปลอดภัย, และประสิทธิภาพในการรักษายังไม่ได้รับการพิสูจน์ในลักษณะที่เหมาะสมตามมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์และกฎหมาย

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


หน่วยงานกำกับดูแลเช่น FDA และ EMA จะรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ CGT ได้อย่างไร

โดยต้องมีการทดลองทางคลินิกก่อนการตลาดอย่างเข้มงวด

The document outlines strategies to address premature commercialization, identifies common features of unproven CGTs, and provides reporting mechanisms for adverse events related to unproven therapies. The guide stresses the need for rigorous clinical trials and regulatory oversight for safe and effective therapies."

"The document outlines strategies to address premature commercialization, identifies common features of unproven CGTs, and provides reporting mechanisms for adverse events related to unproven therapies. The guide stresses the need for rigorous clinical trials and regulatory oversight for safe and effective therapies." แปลเป็นไทยได้ว่า เอกสารกล่าวถึงกลยุทธ์ในการจัดการการค้าผลิตภัณฑ์ CGT ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ และย้ำถึงความจำเป็นในการทดลองทางคลินิกอย่างเข้มงวดและการควบคุมดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


เป้าหมายหลักของ ISCT ในด้านการบำบัดด้วยเซลล์และยีนตามที่กล่าวไว้ในบทความคืออะไร

เพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์และต่อต้านผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการพิสูจน์

"The paper discusses the rapid growth of regenerative medicine and highlights concerns regarding direct-to-consumer offerings of unproven cell- and gene-based products. It emphasizes the importance of ethical development, scientific legitimacy, safety, and efficacy in the commercialization of advanced therapies."

"The paper discusses the rapid growth of regenerative medicine and highlights concerns regarding direct-to-consumer offerings of unproven cell- and gene-based products. It emphasizes the importance of ethical development, scientific legitimacy, safety, and efficacy in the commercialization of advanced therapies." แปลเป็นไทยได้ว่า เอกสารกล่าวถึงการเติบโตที่รวดเร็วของการแพทย์ฟื้นฟูและเน้นข้อกังวลเกี่ยวกับการตลาดผลิตภัณฑ์เซลล์และยีนที่ยังไม่มีการพิสูจน์ให้กับผู้บริโภคโดยตรง และเน้นความสำคัญของการพัฒนาที่มีจริยธรรม ความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการพาณิชย์ของการบำบัดขั้นสูง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


อะไรคือผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นสำหรับผู้ป่วยที่ใช้ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์?

ความเสี่ยงต่อผลกระทบร้ายแรง

"It emphasizes the importance of ethical development, scientific legitimacy, safety, and efficacy in the commercialization of advanced therapies. The document outlines strategies to address premature commercialization, identifies common features of unproven CGTs, and provides reporting mechanisms for adverse events related to unproven therapies."

"It emphasizes the importance of ethical development, scientific legitimacy, safety, and efficacy in the commercialization of advanced therapies. The document outlines strategies to address premature commercialization, identifies common features of unproven CGTs, and provides reporting mechanisms for adverse events related to unproven therapies." แปลเป็นไทยได้ว่า เอกสารเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาที่มีจริยธรรม ความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการพาณิชย์ของการบำบัดขั้นสูง โดยระบุกลยุทธ์ในการจัดการการพาณิชย์ก่อนกำหนด และลักษณะทั่วไปของผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ รวมถึงการจัดทำกลไกในการรายงานเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดที่ไม่ได้รับการพิสูจน์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


ISCT มีบทบาทอย่างไรในบริบทของการบำบัดเซลล์และยีน

ต่อต้านการค้าขายก่อนกำหนดของการรักษาที่ไม่ได้รับการพิสูจน์

"The guide stresses the need for rigorous clinical trials and regulatory oversight for safe and effective therapies. It emphasizes the importance of ethical development, scientific legitimacy, safety, and efficacy in the commercialization of advanced therapies and outlines strategies to address premature commercialization, identifying common features of unproven CGTs."

"The guide stresses the need for rigorous clinical trials and regulatory oversight for safe and effective therapies. It emphasizes the importance of ethical development, scientific legitimacy, safety, and efficacy in the commercialization of advanced therapies and outlines strategies to address premature commercialization, identifying common features of unproven CGTs." แปลเป็นไทยได้ว่า: คู่มือเน้นย้ำความจำเป็นในการทำการทดลองทางคลินิกที่เข้มงวดและการควบคุมโดยหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อให้แน่ใจว่าการบำบัดมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มันเน้นความสำคัญของการพัฒนาอย่างมีจริยธรรม ความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการพาณิชย์ของการบำบัดขั้นสูง และได้ระบุกลยุทธ์ในการจัดการการพาณิชย์ก่อนกำหนด รวมถึงการระบุคุณลักษณะทั่วไปของผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์"

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 113 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา