ตรวจข้อสอบ > กมลชนก สนิทนวล > วิทยาศาสตร์ชีวภาพ (เชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์) | Biological Sciences > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 0 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


Toxoplasma เป็นจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคต่อระบบการทำงานใดของร่างกายมากที่สุด ?

4. ระบบกล้ามเนื้อของสัตว์มีกระดูกสันหลัง

ลักษเวณะของเชื้อเป็นโปรโตซัวที่มีวงจรคล้ายกลุ่มโปรโตซัวที่ทำให้เกิดได้

Toxoplasmosis เป็นการติดเชื้อที่เกิดจาก ปรสิตคือ Toxoplasma gondii ซึ่งเป็นโปรโต ซัวชนิดอาศัยในเซลล์ โดยติดเชื้อ ได้ทั้งใน คนและสัตว์ มีพาหะหลักคือ แมว ส่วนพาหะ ชั่วคราว คือ หนู กระต่าย แกะ รวมทั้งคน วงจรชีวิตของเชื้อมี 3 แบบคือ Tachyzoite, Tissue cyst และ Oocyst การติดต่อเกิดขึ้น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


โครงสร้างใดต่อไปนี้ไม่พบใน Non-Cellular Organism ?

4. Cytoplasm

Non-cellular organism โครงสร้างไม่เป็นเซลล์

จุลินทรีย์ =Micoorganisms คือ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นหรือเห็นไม่ชัดเจน Non-cellular Virus Viroids

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


โครงสร้างในข้อใดเกี่ยวข้องกับการสร้างพิษงู ?

4. Peroxisome

Mitochondrial เป็นไมโทคอนเดรียน เป็นออร์แกเนลล์ประเภทกึ่งอิสระ พบในสิ่งมีชีวิตยูแคริโอตโอต SER เป็นผิวนอกไซโทโซลิก ของร่างแหเอนโดพลาซึมขรุขระ มีไรโบโซมอยู่กระจายซึ่งเป็นแหล่งสังเคราะห์โปรตีน ร่างแหเอนโดพลาซึมขรุขระโดดเด่นเป็นพิเศษในเซลล์อย่างเซลล์ตับซึ่งร่างแหเอนโดพลาซึมเรียบกัมมันต์ไม่มีไรโบซึมและทำหน้าที่ในเมแทบอลิซึมลิพิด เมแทบอลิซึมคาร์โบไฮเดรต และการขจัดพิษ และพบมากเป็นพิเศษในตับและเซลล์ต่อมบ่งเพศของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม polar body หมายความว่า เซลล์โพลาบอดี่ ซึ่คือเซลล์ที่เกิดขึ้นจากการแบ่งตัวของไข่หลังจากการปฏิสนธิโดยอสุจิ โดยที่เซลล์นี้จะมีเฉพาะนิวเคลียสและมีส่วนของไซโตพลาสซึม(cytoplasm) น้อยมาก การเกิดขึ้นของเซลล์ polar body ก็เพื่อห่อหุ้มดีเอนเดส่วนเกิน เซลล์ polar body จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางพันธุกรรมของตัวอ่อนตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ โครงสร้างพื้นฐานของเพอรอกซิโซม เพอร็อกซิโซม (Peroxisome) หรือ ไมโครบอดี (microbodies) เป็นออร์แกเนลล์ขนาดเล็ก ที่มีเยื่อหุ้มชั้นเดียว รูปร่างคล้ายไลโซโซม แต่สามารถแบ่งตัวได้เอง คล้ายกับไมโทคอนเดรีย และคลอโรพลาสต์ ภายในประกอบด้วย เอนไซม์หลายชนิด ที่มีหน้าที่สำคัญ ในกระบวนการเมตาบอลิสม์ ของกรดไขมัน เพอรอกซิโซมจะหลั่งเอนไซม์ชื่อ แคแทเลส (Catalase) มาย่อยไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide) ซึ่งเป็นพิษต่อเซลล์ ให้กลาย

โครงสร้างพื้นฐานของเพอรอกซิโซม เพอร็อกซิโซม (Peroxisome) หรือ ไมโครบอดี (microbodies) เป็นออร์แกเนลล์ขนาดเล็ก ที่มีเยื่อหุ้มชั้นเดียว รูปร่างคล้ายไลโซโซม แต่สามารถแบ่งตัวได้เอง คล้ายกับไมโทคอนเดรีย และคลอโรพลาสต์ ภายในประกอบด้วย เอนไซม์หลายชนิด ที่มีหน้าที่สำคัญ ในกระบวนการเมตาบอลิสม์ ของกรดไขมัน เพอรอกซิโซมจะหลั่งเอนไซม์ชื่อ แคแทเลส (Catalase) มาย่อยไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide) ซึ่งเป็นพิษต่อเซลล์ ให้กลาย

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


หมู่ฟังก์ชันหน้าที่ (functional group) ใดไม่พบในน้ำตาล ?

2. Hydroxyl

เป็นส่วนโครงสร้างย่อยของโมเลกุลที่มีองค์ประกอบและโครงสร้างเฉพาะตัว หมู่ฟังก์ชันมักเป็นตัวกำหนดการทำปฏิกิริยาและสมบัติทางเคมีอื่น ๆ ของโมเลกุลที่มีพวกมันเป็นส่วนประกอบ

กลุ่มสาร กรดคาร์บอกซิลิก หมู่ คาร์บอกซิล สูตรโครงสร้าง R−C (=O) OH non-ionized R−C (=O) O− ionized

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


สัตว์ชนิดหนึ่งมีชุดโครโมโซมเป็น 2n=16 จะมีจำนวน Chromosome กี่แท่ง ?

2. 8 แท่ง

ถ้าเซลลเริ่มต้นมีจำนวนโครโมโซม 2n=16 หลังการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส l และไมโอซิสll เซลล์ลูกจะมีจำนวนโครโมโซม

เมื่อสิ้นสุดการแบ่งเซลล์ทั้ง2ระยะเซลล์ลูกจะมีจำนวนโครโมโซม n=8

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


เกี่ยวกับโครงสร้างสารต่อไปนี้ ข้อใดเป็นจริง ?

1. เป็น reducing sugar

น้ำตาลรีดิวซ์ (reducting sugar) คือ น้ำตาลที่มีหมู่แอลดีไฮด์ (aldehyde) หรือคีโทน (ketone) ที่เป็นอิสระอยู่ในโมเลกุลของน้ำตาล และถูกออกซิไดส์ได้ง่ายด้วยตัวออกซิไดส์ (oxidizing agent) อย่างอ่อน ตัวอย่างของน้ำตาลกลุ่มนี้ ได้แก่ น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (monosaccharide) ทุกชนิด เช่น น้ำตาลกลูโคส (glucose) น้ำตาลกาแล็กโทส (galactose) น้ำตาลฟรักโทส (fructose) น้ำตาลโมเลกุลคู่ (disaccharide) บางชนิด เช่น น้ำตาลแล็กโทส (lactose) น้ำตาลมอลโทส (maltose)

น้ำตาลรีดิวซ์ (Reducing sugar) เกิดจากการรวมตัวกันของหมู่ไฮดรอกซิล (-OH) ของ anomeric carbon (C1) ของน้ำตาลตัวหนึ่งกับหมู่ไฮดรอกซิล (-OH) ของคาร์บอนอะตอมอื่นที่ไม่ใช่ anomeric carbon ของน้ำตาลอีกตัวหนึ่ง ทำให้มี reducing group เหลืออยู่ โครงสร้างของน้ำตาลรีดิวซ์ การทดสอบว่าน้ำตาลชนิดใดเป็นน้ำตาลรีดิวซ์หรือไม่ สามารถทดสอบได้โดยให้ทำปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกส์ (Benedict,s reagent) หรือสารละลายเฟฮ์ลิง (Fehling,s reagent) โดยหมู่แอลดีไฮด์หรือคีโทหรือเฮมิอะซีทาลโอเอชของน้ำตาลจะไปรีดิวซ์โลหะคือ Cu2+ ที่เป็นส่วนประกอบในสารละลายเบเนดิกส์หรือสารละลายเฟฮ์ลิงให้เป็น Cu+ เกิดตะกอนสีแดง น้ำตาลที่มีสมบัติเป็นน้ำตาลรีดิวซ์ ได้แก่ มอโนแซ็กคาไรด์ทุกชนิด ไดแซ็กคาไรด์พวกมอลโทสและแลกโทส

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


ข้อใดกล่าวถึงพืช C4 ไม่ถูกต้อง ?

1. ปากใบเปิดตอนกลางคืน

พืชและ/หรือสิ่งมีชีวิตที่มีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง จะต้องมีสารที่มีความสามารถในการดูดกลืนพลังงานแสง แล้วนำพลังงานนั้นไปใช้ในการสร้างพันธะเคมี (chemical bond) ในโมเลกุลของสารอินทรีย์ โมเลกุลที่มีความสามารถในการดูดกลืนแสงที่มีอยู่ในพืชและสิ่งมีชีวิตนี้คือ รงควัตถุ (pigment) รงควัตถุที่ใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง (photosynthetic pigment) สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ตามลักษณะของโครงสร้างของโมเลกุล

ในการเปลี่ยนพลังงานแสงให้อยู่ในรูปของพลังงานเคมีในโมเลกุลของสารอินทรีย์นั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนคือ ปฏิกิริยาที่ต้องใช้แสง (Light reaction) ปฏิกิริยาการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 fixation reaction)

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


ข้อใดบ้างต่อไปนี้เป็นผลมาจากการเกิดวิวัฒนาการแบบจุลภาค (Microevolution) ?

4. จะงอยปากของนกสองชนิดที่กินอาหารต่างกัน

วิวัฒนาการระดับจุลภาคคือการเปลี่ยนแปลงความถี่อัลลีลที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปภายในประชากร[1]การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการสี่ขั้นตอนที่แตกต่างกัน: การกลายพันธุ์ , การเลือก ( ธรรมชาติและเทียม ) กไหลของยีนและพันธุกรรมการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ค่อนข้างสั้น (ในแง่วิวัฒนาการ) จำนวนของเวลาเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่าmacroevolution

การเลือกสายพันธุ์อาจเกิดขึ้นเป็น (ก) ผลกระทบต่อวิวัฒนาการ โดยที่ลักษณะระดับสิ่งมีชีวิต (ลักษณะรวม) ส่งผลต่ออัตราการเกิดสปีชีส์และการสูญพันธุ์ และ (ข) การคัดเลือกสายพันธุ์ที่มีความรู้สึกเข้มงวด โดยที่ลักษณะระดับสปีชีส์ (เช่น ช่วงทางภูมิศาสตร์) ส่งผลต่ออัตราการเกิดและอัตราการสูญพันธุ์ [4] Macroevolution ไม่ได้ผลิตสิ่งใหม่ทางวิวัฒนาการ แต่มันกำหนดการแพร่กระจายของพวกมันภายใน clades ที่พวกมันวิวัฒนาการ และเพิ่มลักษณะระดับสปีชีส์เป็นปัจจัยที่ไม่ใช่ออร์แกนิกในการคัดแยกในกระบวนการ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


โปรตีนมีความแตกต่างในด้านใดบ้าง ?

4. เฉพาะ C

Branched-chain amino acids (BCAAs) เป็นกลุ่มของกรดอะมิโน XNUMX ชนิด (valine, leucine และ isoleucine) ที่มีโครงสร้างโมเลกุลที่มีกิ่งก้าน BCAAs อุดมไปด้วยโปรตีนในกล้ามเนื้อกระตุ้นการเติบโตของกล้ามเนื้อในร่างกายและให้พลังงานระหว่างการออกกำลังกาย

เป็นสารประกอบชีวเคมี ซึ่งประกอบด้วยพอลิเพปไทด์หนึ่งสายหรือมากกว่า ที่พับกันเป็นรูปทรงกลมหรือเส้นใย โดยทำหน้าที่อำนวยกระบวนการทางชีววิทยา พอลิเพปไทด์เป็นพอลิเมอร์สายเดี่ยวที่เป็นเส้นตรงของกรดอะมิโนที่เชื่อมเข้ากันด้วยพันธะเพปไทด์ระหว่างหมู่คาร์บอกซิลและหมู่อะมิโนของกรดอะมิโนเหลือค้าง (residue) ที่อยู่ติดกัน ลำดับกรดอะมิโนในโปรตีน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


Stromatolite เกิดจากสิ่งมีชีวิตกลุ่มใด

1. Cyanobacteria

เป็นโครงสร้างคล้ายหินพิเศษ ของชั้นตะกอนที่ถูกสร้างขึ้นโดยไซยาโนแบคทีเรียที่สามารถสังเคราะห์แสง(Photosynthetic Cyanobacteria) จุลินทรีย์เหล่านี้ผลิตเมือกที่มีคุณสมบัติเหมือนกาวที่ประสานทรายและวัสดุที่เป็นหินอื่นๆ(ส่วนใหญ่เป็นหินปูน) เพื่อสร้าง "เสื่อจุลินทรีย์(Microbial Mats)" ในทางกลับกันเสื่อเหล่านี้จะสร้างขึ้นทีละชั้นและค่อยๆเติบโตขึ้นตามกาลเวลา สโตรมาโตไลต์อาจเติบโตได้ถึงหนึ่งเมตรหรือมากกว่านั้น แม้ว่าในปั จจุบันการเติบโตของมันจะเป็นเรื่องแปลก แต่ฟอสซิลสโตรมาโตไลต์ก็เป็นสิ่งที่สามารถบันทึกข้อมูลต่างๆบนโลก ผ่านตะกอนที่ติดอยู่ในเนื้อหิน รวมถึงซากสิ่งมีชีวิตโบราณของโลก

สโตรมาโตไลต์เกิดจากไซยาโนแบคทีเรียตัวแรกซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน แหล่งเหล่านี้ประกอบด้วยชั้นบางๆ ทึบๆและสลับกับชั้นที่มีสีอ่อน ไซยาโนแบคทีเรียสามารถสังเคราะห์แสงได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายรวมถึงแม่น้ำ บนดิน ทะเลสาบและซอกหาดตื้นๆ มันเป็นสิ่งมีชีวิตแบบเซลล์โปรคาริโอต ซึ่งหมายความว่าพวกมันขาดนิวเคลียสที่มี DNA และเป็นสิ่งมีชีวิตรูปแบบแรกสุดในโลก อันที่จริงชิ้นของสโตรมาโตไลต์มีอายุถึง 3.5 พันล้านปี จึงมักมีหลักฐานของรูปแบบชีวิตที่เก่าแก่ที่สุด โครงสร้างหินเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อการเคลือบของเมือกเหนียวบนแผ่นไซยาโนแบคทีเรียและจับตะกอน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


ตาสีน้ำตาล (B) เด่นต่อตาสีฟ้า (b) ชายหญิงคู่หนึ่งตาสีน้ำตาลแบบ heterozygous ทั้งคู่ ทั้งคู่วางแผนจะมีลูก 3 คนที่เป็นตาสีฟ้า 2 คน น้ำตาล 1 คน มีโอกาสเกิดขึ้นเท่าไหร่

2. 1/32

ตาสีฟ้าซึ่งลักษณะด้อย

ด้าน ผู้หญิง ถ้าผู้หญิงเป็นBB ลูกจะไม่สามารถมีตามีตาสีฟ้าได้

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง

2. มะเมื่อย เป็นพืช Gymnosperm ไม่มี double fertilization

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


ข้อใดเป็น toxoid

2. วัคซีนรักษาบาดทะยัก

วัคที่ผลิตขึ้นโดยการนำพิษของเชื้อโรคมาทำให้หมดฤทธิ์ไป

และยังสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ ใช้สำหรับโรคติดเชื้อเกิดจากพิษของเชื้อ โรคคอตีบ โรคบางบาดทะยัก

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


ข้อใดต่อไปนี้ไม่ถูกต้อง

2. Plasma cell สร้างแอนติบอดีที่ไม่มีความจำเพาะต่อแอนติเจน

แอนติเจนบอดีแต่ละตัวมีความจำเพาะต่อแอนติเจนคนละชนิด

เมื่อร่างกายได้รับวัคซีนนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง ร่างกายจะสนองด้วยการสร้างแอนติบอดีได้เร็วขึ้น และปริมาณมากขึ้นกว่าครั้งแรกมาก

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


ดอกไม้ 1 ดอกมีจำนวน 4 ดอกย่อย แต่ละดอกย่อยมีรังไข่ 4 รัง แต่ละรังมี 1 pistil จะสร้าง antipodal ได้จำนวนกี่เซลล์

2. 24 เซลล์

เป็นส่วนของวงดอกชั้นในสุด วงของเกสรตัวเมียเรียกว่า gynoecium เกสรตัวเมียแต่ละอันเรียกว่า pistil หรือ carpel เกสรตัวเมียเจริญและเปลี่ยนแปลงมาจากใบ เพื่อทำหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์ตัวเมียซึ่งประกอบด้วย รังไข่ (ovary) ก้านชูเกสรตัวเมีย (style) และยอดเกสรตัวเมีย (stigma) เนื่องจาก carpel เกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงของใบโดยเกิดการโอบเข้าหากันของขอบใบทั้งสองด้านมาชิดกันแล้วเชื่อมติดกันจนเกิดเป็นห้องที่เรียกว่า locule เกสรตัวเมียอาจแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ

compound pistil คือ เกสรตัวเมียที่ประกอบด้วยหลาย carpel มาอยู่ด้วยกัน ซึ่งแต่ละอันอาจแยกเป็นอิสระต่อกัน เรียกว่า apocarpous pistil หรือมีส่วนใดส่วนหนึ่งที่เชื่อมติดกัน เรียกว่า syncarpous pistil

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


ปัจจุบันของเชื้อโควิด-19 มีอัตราการกลายพันธุ์อย่างหลากหลายและรวดเร็ว ข้อใดต่อไปนี้กล่าวถึงชนิดเชื่อที่เป็น Variants of Concern ที่ทั่วโลกกำลังจับตามอง และ Variant of Interest ที่ WHO ให้ความสนใจ ได้อย่างถูกต้อง

4. สายพันธุ์เดลต้า จัดเป็น Variants of Concern ให้ความสนใจ ความรุนแรงเมื่อติดเชื้อมากกว่าสายพันธุ์อื่น และมีอัตราการแพร่กระจายง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น ประสิทธิภาพวัคซีนในการป้องกันเชื้อลดลง

สายพันธุ์เดลตาเป็นสายพันธ์หลักที่แพร่ระบาลหนักไปทั่วโลก

สายพันธุ์เดลต้า มีความสามารถจับเซลล์ของมนุษย์ง่ายขึ้น ติดง่ายขึ้น แพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์อัลฟา

10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


เชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถดำรงชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายสิ่งมีชีวิตได้ระยะเวลาหนึ่ง ทำให้เชื้อโรคแฝงตัวในสภาพแวดล้อมแบบต่าง ๆ และทำให้เกิดการแพร่เชื้อต่อไปได้ จากการสัมผัสพื้นผิวหรืออยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มีเชื้อ จากคำกล่าวข้างต้น บุคคลใดต่อไปนี้ มีความเสี่ยงมากที่สุดที่จะได้รับเชื้อ เมื่อพิจารณาเฉพาะปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม

2. บีมจับราวบันไดเวลาลงบันไดเลื่อน

บีมจัดราวบันไดอาจมีเชื้อโรคเยอะ

เพราะอาจเกิดจากการสะสมของเชื้อโรค ทางอากาศ

10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


จากรูป เชื้อไวรัส (Virus) สามารถเคลื่อนที่เข้าสู่เซลล์ในร่างกายมนุษย์ด้วยวิธีการใด

5. Conjugation with host cells

11

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของ r-selected species

1. มีลูกดก

R selection จะมีลักษณะกราฟเป็น the lll โดยมีลักษณะประมาณออกลูกเยอะๆๆ

เพราะว่าอัตราการตายสูง ด้วยความลูกเยอะก็จะไม่ค่อยมีการเลี้ยงดูจากรุ่นพ่อแม่ โตตัวเต็มวัยเร็ว อายุสั้น ส่วนมากไข่หรือลูกจะเล็ก เช่นพวกแมลง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


เกี่ยวกับคุณสมบัติของสิ่งมีชีวิต ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง

1. กระบวนการ Spermatogenesis เป็นส่วนหนึ่งของ organization of life โดยจัดเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการการสืบพันธุ์แบบ sexual

secondary spermatocyte เมื่อเซลล์นี้แบ่งเซลล์ต่อจนเสร็จสิ้นไมโอซิส จะได้สเปิร์มเริ่มต้น (developing sperm cell) ซึ่งจะพัฒนาต่อไปจนได้สเปิร์มที่สมบูรณ์

เริ่มจากเซลล์เริ่มต้นที่เรียกว่า primary spermatocyte; 2n ที่เป็นเนื้อเยื่อเจริญในอัณฑะ เซลล์นี้เพิ่มจำนวนตัวเองโดยการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส เมื่อเซลล์นี้มีการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส จะได้เซลล์ที่เป็นแฮพลอยด์ เรียกว่า secondary spermatocyte

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 38.25 เต็ม 150

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา