ตรวจข้อสอบ > กฤตชญา วิรุณารักษ์ > ชีวเคมีเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Biochemistry > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 36 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


จ. สาร Y เป็นสารที่สามารถละลายได้ดีทั้งในน้ำและในไขมัน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


จะได้ไดเพปไทด์แบบโพลี่เพปไทด์

Acidic side chain group คือกรดอะมิโนที่หมู่ R มีประจุเป็ นลบที่ pH 7.0 ได้แก่กรดแอสพาติก และกรดกลูตามิก Basic side chain group คือกรดอะมิโนที่หมู่ R มีประจุเป็ นบวกที่ pH 7.0 ไดแ้ก่ไลซีน อาร์จินีน และฮิสทีดีน โปรตีนมีโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดจากการเรียงตัวของกรดอะมิโนเป็นสายยาวในเส้นโพลี่ เปปไทด์ที่ต่อกันด้วยพันธะเพปไทด์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


ข้อ ข.

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


1. 24 พันธะ 2. 2 โมเลกุล 3. 1 โมเลกุล 4. 4 ชนิด 5. 2 : 1 : 1 6. พอลิเพปไทด์ 5. 6.

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


3 ไอโซเมอร์

ไอโซเมอร์ (Isomer)คือ สารที่มีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน แต่มีสูตรโครงสร้างต่าง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


ข้อ ง.

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


ข. ธนนท์แช่เนื้อไว้ในตู้เย็นเพื่อเตรียมทำอาหาร

การเปลี่ยนแปลงจากสภาพธรรมชาติของโปรตีน มีผลทำให้โครงสร้างทางเคมีเปลี่ยนไปแต่ไม่ทำลายพันธะเพปไทด์ (peptide bond) ซึ่งเป็นพันธะระหว่างกรดแอมิโน (amino acid) ในโมเลกุลของโปรตีน แต่มีพันธะไฮโดรเจนซึ่งทำให้เกิดโครงสร้างระดับต่างๆ ของโปรตีน (protein stucture) ถูกทำลาย โครงสร้างจึงเกิดการคลายตัว (unfolded) เปลี่ยนจากโครงสร้างเดิมตามธรรมชาติเป็นโครงสร้างใหม่ 1.การสูญเสียสภาพธรรมชาติด้วยความร้อน (thermal denaturation) 2.การสูญเสียสภาพธรรมชาติด้วยการปรับ pH (pH denaturation) 3.การสูญเสียสภาพธรรมชาติด้วยแรงกล (mechanical denaturation) 4.การสูญเสียธรรมชาติด้วยโลหะหนัก

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


ข. 1 และ 2

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


ค. กลูโคส,นํ้าตาลทราย

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


2 เท่าของมอลโทส

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


ข้อ ค.

สารไนโตรซามีนจัดเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างไนโตรเจนออกไซด์ (NOX) กับเอมีน ที่พบทั่วไปในอาหาร เครื่องดื่มและสารเคมีต่างๆ ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการผิดปกติของดีเอ็นเอที่ตรวจพบในรูปของ DNA adducts และก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด โดยเป็นอาหารที่ถนอมอาหารโดยการรมควันหรือการหมักดอง ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ ปลาและผัก การบริโภคผักที่มีไนเตรทสูง รวมถึงอาหารจำพวกปิ้ง ย่าง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


ข้อ ง.

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


ข้อ ค.

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


สาร X คือ กลีเซอรอล สาร Y คือ กรดไขมัน

ไข (wax) คือสารในกลุ่มลิพิด (lipid) ไขที่พบในธรรมชาติเป็นเอสเทอร์ของกรดไขมันกับแอลกอฮอล์ที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูง และเป็นแอลกอฮอล์ที่มีหมู่ไฮดรอกซิลเพียงหมู่เดียว (monohydric alcohol) มีจุดหลอมเหลวสูงเป็นของแข็งที่อุณหภูมิห้อง ไขที่ผลิตในรูปของอิมัลชัน (emulsion) นำมาใช้เคลือบผิว ผัก และผลไม้สด เพื่อลดการสูญเสียน้ำ ที่เป็นเหตุทำให้เหี่ยวเฉา ลดการแลกเปลี่ยนแก๊ส ลดอัตราการหายใจ จึงช่วยยืดอายุการเก็บรักษาผักและผลไม้ให้นานขึ้น อ้างอิง https://www.scimath.org/lesson-chemistry/item/7163-2017-06-04-15-11-40

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


การที่เลซิตินสามารถละลายในได้ทั้งน้ำและไขมัน เลซิตินจึงละลายอยู่ในกระแสเลือดแล้วคอยจับเอาไขมัน หรือคอเลสเตอรอลที่ล่องลอยอิสระในกระแสเลือด และไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือดไว้ กล่าวคือ เป็นตัวทำละลายไขมันในหลอดเลือดทำให้ไขมันแตกตัวเป็นอนุภาคเล็กๆ และไหลเวียนไปกับกระแสเลือด เลซิทินจึงเป็นสารอาหารที่สามารถป้องกันการจับตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด อันเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือด หัวใจตีบ หรืออุดตันอันมีผลให้หัวใจวายได้

เป็นสารธรรมชาติที่ประกอบด้วยฟอสฟอรัสกับไขมันบางชนิด และวิตามินในกลุ่มวิตามินบี เลซิตินนั้นช่วยจับไขมัน และคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ส่วนประกอบที่พบมากที่สุดในเลซิติน คือ สารฟอสฟาติดิลโคลี (phosphatidylcholine) ซึ่งเป็นแหล่งอาหารอันอุดมไปด้วยสารโคลีน อ้างอิง https://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/1280/lecithin-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%99

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


ข้อ ก. 2 แบบ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


ข้อ ค. 3 ชนิด

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


นักกำหนดอาหารได้มีการจัดอาหารกลางวันสำหรับผู้ป่วยรายหนึ่ง โดยอาหารประกอบไปด้วย ข้าว กะหล่ำปีผัดน้ำมัน และแกงจืดเต้าหู้หมูสับ อาหารมื้อนี้ ผู้ป่วยจะได้รับสารชีวโมเลกุลประเภทให้พลังงานกี่ชนิด อะไรบ้าง

ข. 3 ชนิด ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเซลลูโลส

แกงจืดเต้าหู้หมูสับใส่ผัก ในปริมาณ 1 มีพลังงานทั้งหมด 320 กิโลแคลอรี่, โปรตีน 43.8 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 7.4 กรัม, ไขมัน 14.2 กรัม กะหล่ำปลีผัดกุ้ง ในปริมาณ 1จาน มีพลังงานทั้งหมด 175 กิโลแคลอรี่, โปรตีน 27 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 15.2 กรัม, ไขมัน 0.5 กรัม ได้พลังงาน 3 ชนิด คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน

อ้างอิง https://www.calforlife.com/th/calories/cabbage-fried-shrimp / https://www.calforlife.com/th/calories/minced-pork-and-tofu-with-vegetables-soup

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


ข้อใดไม่ถูกต้อง

ข. ไดแซคคาไรด์ที่ได้จากการย่อยสลายเซลลูโลสและอะไมเลสมีโครงสร้างเหมือนกัน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 43.55 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา