1 |
จาก Paper
Diabets Mellitus: Insights from Epidemiology, Biochemistry, Risk Factors, Diagnosis, Complications and Comprehensive Management
จงตอบคำถามข้อ 1-6
ข้อ 1 Vitamin C มีความเกี่ยวข้องอะไรกับโรคเบาหวาน (เหตุผล)
|
4. เป็น antioxidant |
|
วิตามินซีเป็นแหล่งของแอนติออกซิแดนต์ (antioxidant) ซึ่งช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย ทำให้เซลล์มีประสิทธิภาพในการแปลงอาหารเป็นพลังงาน แต่หากบริโภคเกินไปจะทำให้เซลล์ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพลังงานที่ได้รับได้เต็มที่ จึงส่งผลให้ร่างกายมีการสะสมน้ำตาลในเลือด |
สถาบันโรคเบาหวานแห่งชาติ |
5 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
จากตาราง Table 2 อยากทราบว่า biguanide ทำหน้าที่อะไร อย่างไร
|
3. ลดน้ำตาลในเลือด |
|
จากTable 2 ที่บอกว่า decreasing glucose production |
จากTable 2 |
5 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
จากตาราง อยากทราบว่า DPP4 inhibitors ทำงานอย่างไร
|
5. เพิ่ม GIP & GLP-1 |
|
จากตารางที่บอกว่า increases endogencus GLP-1 and GIP levels |
จากตาราง |
5 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
จากตาราง ผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการย่อยอาหารไม่ควรทานยาชนิดใดมากที่สุด
|
3. α-glucosidase inhibitors |
|
เพราะมันลดอัตราการย่อยคาร์โบไฮเดรตในลำไส้ |
ดูจากตาราง อันนี้มีความเกี่ยวข้องมากสุด |
5 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
จากตาราง ผู้ป่วยโรคไต ควรปรึกษาหมอหากจะทานยาชนิดใด
|
5. SGLT-2 |
|
เพราะมันเพิ่มการขับกลูโคสในปัสสาวะซึ่งโรคไตกับเบาหวานนั้นมีความเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว |
ตารางที่ให้มาและการวิเคราะห์ |
5 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
จงอธิบายการรักษาเบาหวานจากบทความ
Diabets Mellitus: Insights from Epidemiology, Biochemistry, Risk Factors, Diagnosis, Complications and Comprehensive Management
|
เบาหวาน (Diabetes Mellitus) เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของระบบการควบคุมน้ำตาลในเลือดของร่างกาย โดยที่ร่างกายไม่สามารถผลิตหรือใช้อินซูลได้ตามปกติ หรือเป็นเหตุให้เลือดมีน้ำตาลสูงเกินไป (hyperglycemia) |
|
- |
- |
5 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
จากตาราง (มาจากบทความเรื่อง Environmental toxicology) จงอธิบายตารางนี้
|
เป็นตารางบอกเกี่ยวกับสารประกอบ20ชนิดที่พบมากที่สุด |
|
โดยบอกชื่อสาร หมดหมู่ จำนสนที่ตรวจเจอ จำนวนครั้งการศึกษา
ความเข้มข้นเฉลี่ย ช่วงความเข้มข้น |
จากตารางข้างต้น |
5 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
จากแผนภาพ จงอธิบายว่ายารักษามะเร็งสามารถยับยั้งที่ส่วนใดได้บ้างใน pathway
|
PKC AND PI3KB |
|
เพราะดุเห็นว่าสองตัวนี้มันถูกยับยั้งอยู่ |
จากแผนภาพข้างต้น |
5 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
จากบทความเรื่อง Environmental toxicology จงอธิบายา Emerging contaminants in SADC region
|
Emerging contaminants เป็นสารที่เกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ |
|
Emerging contaminants เป็นสารที่เกิดขึ้นในสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ และยังไม่ได้รับการตรวจสอบหรือกำหนดมาตรฐานการใช้งาน แต่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในภูมิภาคแอฟริกาใต้ ซึ่งรวมถึงประเทศสมาชิกสหภาพแม่น้ำโขง (Southern African Development Community หรือ SADC) มีการพบ emerging contaminants หลายชนิด เช่น
สารเคมีจากการใช้งานเครื่องมือการเกษตร: สารเคมีเหล่านี้มักถูกใช้เพื่อป้องกันและกำจัดแมลงและวัชพืชในการเกษตร เช่น สารป้องกันกำจัดแมลง (insecticides) เช่น DDT และคลอร์ไพรีฟอส และสารป้องกันกำจัดวัชพืช (herbicides) เช่น 2,4-D และไกลโฟเสต การใช้สารเคมีเหล่านี้อาจทำให้มีการสะสมของพิษในดินและน้ำ และอาจเข้าสู่ระบบน้ำเสียและแม่น้ำ |
บทความ Environmental toxicology |
5 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
จงอธิบายว่ายาลดความดันทำงานอย่างไร
|
ยับยั้งการสร้างสารที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว |
|
ดูจากแผนภาพข้างต้น |
แผนภาพข้างต้น |
5 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
จงอธิบายการทำงานของยาต้านไวรัส จากภาพ
|
ดูดซับไวรัสเข้าไปผ่านกระบวนการจนโปรตีนและอาร์เอนเอของไวรัส
รวมกันที่เยื่อหุ้มเซลล์ |
|
ดูดซับไวรัสเข้าไปแล้วถอดรหัสแบบย้อนกลับได้เป็นดีเอ็นเอแล้วไปถอดรหัสแบบปกติต่อด้วยการแปรรหัสแล้วที่นี้จะเกิดกระบวนการสลายโปรตีนโดยโปรตีเอสของไวรัสแล้วจะได้เป็นโปรตีนและอาร์เอนเอของไวรัส
รวมกันที่เยื่อหุ้มเซลล์ |
ดูจากแผนภาพข้างต้น |
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
จากแผนภาพ นักเรียนคิดว่ายานี้คือยาอะไร และมีการทำงานอย่างไร
|
ยากลุ่ม PPIs |
|
ดูจากวิธีการทำงานที่ให้มาข้างต้น |
คลังข้อมูลยามหิดล |
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
จงอธิบายการดื้อยาจากภาพ (ยาฆ่าเชื้อ)
|
เอนไซม์ที่ย่อยสลายหรือปรับเปลี่ยนโมเลกุลของยาปฏิชีวนะ การสลายตัวของเอนไซม์เกี่ยวข้องกับ การไฮโดรไลซิสของหมู่ฟังก์ชันของยาปฏิชีวนะ จึงทำให้มันไม่ได้ผล |
|
เอนไซม์ดัดแปลงยาปฏิชีวนะถ่ายโอนกลุ่มสารเคมีต่างๆ ไปยังยาปฏิชีวนะ ซึ่งป้องกันการจับตัวของยาปฏิชีวนะกับเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเป้าหมายเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายของยาปฏิชีวนะเพื่อลดการจับกันของยาปฏิชีวนะ สิ่งนี้สามารถเกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ในยีนที่เข้ารหัสโปรตีนเป้าหมายของโมเลกุลยาปฏิชีวนะหรือการเปลี่ยนแปลงทางเอนไซม์ของตำแหน่งการจับ |
จากตารางและข้อมูลเพิ่มเติมในเว็ปไซต์ |
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
จงสร้างยาต้านมะเร็งจาก pathway ด้านบน
|
NQO1 |
|
การบำบัดด้วยแสงเป็นหนึ่งในแนวทางการรักษามะเร็งที่ได้รับการอนุมัติทางการแพทย์และกำลังได้รับความเกี่ยวข้องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันเกี่ยวข้องกับการบริหารสารประกอบซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นแสง (เช่น 5-aminolevulinic acid และอนุพันธ์ของเมทิลเลต) ตามด้วยการให้แสงด้วยแสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะเฉพาะที่ การคัดเลือกเกิดขึ้นจากความสามารถของตัวสร้างความไวในการสะสมในเนื้องอกและการส่งแสงที่แม่นยำโดยเฉพาะในจุดที่จำเป็น และข้อดีหลักอย่างหนึ่งของมันคือมีการบุกรุกน้อยที่สุด มีรายงานว่าการแสดงออกของ NQO1 ในเซลล์มะเร็งเต้านมของมนุษย์ MCF-7c3 นั้นเกิดขึ้นหลังการรักษาด้วยโฟโตไดนามิก และส่งผลให้ความไวของเซลล์มะเร็งต่อการรักษาด้วย β-lapachone ( 12 ) เพิ่มขึ้น [ 72]. การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าการรวมกันของการบำบัดประเภทนี้กับ β-lapachone ( 12 ) หรือสารตั้งต้นอื่น ๆ ของ NQO1 จะเป็นการเสริมฤทธิ์กันและเป็นสาขาที่ดีสำหรับการพัฒนาวิธีการรักษาใหม่ ๆ |
รูปข้างต้นและบทความของ เซลล์มะเร็งนานาชาติ |
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
จงสร้างยาต้าน HIV จาก Mechanism ที่นักเรียนเลือก
|
NQO1 |
|
NQO1 (NAD(P)H:quinone oxidoreductase 1) เป็นเอนไซม์ที่มีความสำคัญในการควบคุมระบบ anti-oxidant ซึ่งมีฟังก์ชันในการลดปริมาณสารอนุมูลอิสระที่อาจก่อให้เกิดพิษแก่เซลล์ของร่างกาย นอกจากนี้ NQO1 ยังมีบทบาทในการควบคุมความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งและโรคต่างๆ อีกด้วย
มีการวิจัยเพื่อสร้างยาต้านเชื้อไวรัส HIV โดยใช้ NQO1 เป็นตัวเป้าหมาย โดยจะใช้เอนไซม์ NQO1 เพื่อต้านกระบวนการสร้างสารต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับเชื้อไวรัส HIV เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตและแพร่เชื้อของเชื้อไวรัส
การสร้างยาต้าน HIV จาก NQO1 อาจใช้วิธีการดังนี้:
1ค้นหาสารสกัดจากพืชที่มีส่วนประกอบที่สามารถตอบสนองต่อเอนไซม์
NQO1 ได้ เช่น สารสกัดจาก Centella asiatica
2ออกแบบผลิตภัณฑ์ยาที่สามารถเข้าไปยับยั้งเอนไซม์ NQO1 ได้โดยตรง
3ผสมสารสกัดจากพืชและยาอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อไวรัส HIV และลดผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ |
ไม่มีโดยตรงแต่อ้างอิงมาจาก
1 Ross, D. & Siegel, D. (2017). NQO1 in protection against oxidative stress. Current Opinion in Toxicology, 1, 114-119.
2 Siegel, D., Anwar, A., & Winski, S. L. (2017). NQO1 as a therapeutic target for cancer and other diseases. Advances in Experimental Medicine and Biology, 1031, 149-170.
3 Lu, J. & Holmgren, A. (2014). The thioredoxin antioxidant system. Free Radical Biology and Medicine, 66, 75-87. |
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
จากบทความ COVID ที่ให้ไป ให้นักเรียนสร้างการทดลองที่จะสร้างยาต้าน COVID-19 (อ้างบทความที่ให้)
|
ทดลองเกี่ยวกับเกี่ยวกับการลองฉีดในสัตว์แล้วค่อยมาฉีดในคน |
|
โดยเราให้นักเภสัชกรมาคิดค้นสูตรการผลิตยาต้านมาแล้วลองไปในฉีดในสัตว์แล้วถึงค่อยไปฉีดในคน |
หลักการทดลองในโรคอื่นๆ |
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
จากบทความเรื่อง drug research in cancer จงสรุป design, synthesis และ biological activity ของยาในงานวิจัย
|
|
|
|
- |
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
จงสรุปการค้นพบยาในปี 1981
|
ยาหลักๆที่สำคัญที่ผลิตมาได้ในปีนั้น |
|
Azidothymidine (AZT) - ยาต้านไวรัส HIV
Albuterol - ยาแก้หายใจที่ใช้ในการรักษาโรคหืด
Ciprofloxacin - ยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการรักษาการติดเชื้อทางเดินอาหาร และโรคอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเชื้อแบคทีเรีย
Enalapril - ยาลดความดันโลหิต
Simvastatin - ยาลดคลอเรสเตอรอลในเลือด ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ที่มีค่าคลอเรสเตอรอลสูง
Loratadine - ยารักษาอาการแพ้ที่ไม่ก่อให้เกิดนิ้วขบถอยหรือมึนเมา |
WHO |
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
จงสรุปการค้นพบยาในปี 2019
|
ยาหลักๆที่สำคัญที่ผลิตมาได้ในปีนั้น |
|
Zolgensma - ยาตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในการรักษาพาหะไวรัส SMA (Spinal Muscular Atrophy) แบบรุนหนักในเด็กอายุไม่เกิน 2 ปี
Trikafta - ยาแก้ไขสภาวะผิดปกติของยีน CFTR ในผู้ป่วยโรคซิสติกฟิโบรสิส (Cystic Fibrosis) ที่มีพยาธิวิธีเฉพาะเจาะจง
Tafenoquine - ยาต้านมาลาเรียที่ใช้ในการป้องกันและรักษาโรคมาลาเรีย
Balversa - ยาที่ใช้รักษามะเร็งทางเดินปัสสาวะ โดยเป็นยาที่แบ่งแยกตัวเป้าหมายได้เฉพาะตัวที่เป็นผู้ป่วย
Xpovio - ยาที่ใช้ในการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยใช้กลไกการอัพเร็กชันของเอนไซม์ที่ชื่อว่าขาดช่วงด้านหน้า |
WHO |
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
รูปนี้มาจากบทความ drug research in cancer นักเรียนสามารถทำอะไรที่แตกต่างจากdesign นี้ได้บ้าง
|
|
|
|
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|