1 |
|
5. SGLT-2 |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
|
3. α-glucosidase inhibitors |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
|
1. PCP |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
|
4. CBS |
|
|
EGFR คือ ภาวะที่การทำงานของไตเสื่อมลงอย่างช้า ๆ ทำลายเนื้อไตแบบค่อยเป็นค่อยไปนานเกินกว่า 3 เดือน โดยแบ่งระยะและระดับความรุนแรงของโรคไตเรื้อรังออกเป็น 5 ระยะตามอัตราการกรองของไต (Estimated Glomerular Filtration Rate, eGFR) ซึ่งคือปริมาณเลือดที่ไหลผ่านตัวกรองของไตในหนึ่งนาที |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
|
1. Beta blockers |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
|
3. protein |
|
เพราะโปรตีนเป็นเเค่ตัฝที่เปลี่ยนแปลงไม่ใช่วิธีการขั้นตอนในการทำงานของยาต้านไวรัส |
ยาต้านไวรัส (Antiviral drugs) เป็นยาชนิดหนึ่งมีทั้งรูปแบบยาเม็ด ยาน้ำ ยาผงแบบสูด และสารละลายแบบให้ทางหลอดเลือดดำ มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัส ไม่ใช่การฆ่าไวรัส เมื่อผู้ติดเชื้อได้รับยาต้านไวรัสเข้าไปจะช่วยลด หรือชะลออาการของโรคลง ทำให้ผู้ป่วยมีสุขภาพดีขึ้น
ยาต้านไวรัสถูกพัฒนาให้มีความจำเพาะกับไวรัสแต่ละชนิด แต่จะมีบางกรณีที่มีการนำยาต้านไวรัสชนิดหนึ่งไปต้านไวรัสอีกชนิดหนึ่ง โดยต้องมีการทดสอบประสิทธิภาพ และผลค้างเคียงก่อนนำมาใช้ เช่น การนำยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่มาใช้รักษาโรคอีโบล่า (Ebola) และโรคโควิด 19 (COVID-19) จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นต้น |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
|
4. protein |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
|
3. MALT2 |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
|
5. NRTs |
|
|
การดื้อยาของเชื้อเอชไอวีเกิดจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางพันธุกรรมของเชื้อเอชไอวีที่ส่งผลต่อความสามารถของยาในการป้องกันการแพร่พันธุ์ของไวรัส ยาต้านไวรัสทั้งหมด รวมถึงยาในกลุ่มใหม่ มีความเสี่ยงที่จะไม่ออกฤทธิ์บางส่วนหรือทั้งหมดเนื่องจากไวรัสดื้อยาเกิดขึ้น |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
Vitamin C ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับโรคเบาหวาน
|
1. เป็นตัวเพิ่มน้ำตาลในเลือด |
|
การรับประทานวิตามินCเสริมในขนาด 1000 มิลลิกรัม/วัน ในผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน(T2DM)มีข้อมูลวิจัยว่าช่วยลดระดับน้ำตาลสะสมได้ |
มีข้อมูลวิจัยว่า การรับประทานวิตามินCเสริมในขนาด 1000 มิลลิกรัม/วัน ในผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน(T2DM)จะช่วยลดน้ำตาลสะสมได้ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
ข้อใดเกี่ยวข้องกับ Astrocyte reactivity
|
4. longitudinal tau tangle accumulation |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
ข้อใดเกี่ยวข้องกับ combination of drugs targeting Aβ
|
1. reactive astrocyte mediators |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
ข้อใดคือ population-based study cohort
|
5. YHA |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
ข้อใดเกี่ยวข้องกับ Environmental toxicology
|
1. organic pollutants |
|
Organic Pollutants คือพิษอินทรีย์ซึ่งเกิดขึ้นจากธรรมชาติ ซึ่งอาจจะเป็นสารเคมี ยา สารพิษและยังครอบคลุมไปถึงปัจจัยทางด้านกายภาพ เช่น เสียง แสง ความร้อน เป็นต้น และยังครอบคลุมถึงปัจจัยทางด้านชีวภาพอีกด้วย สื่งที่กล่าวมานี้จะสามารถทำให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตได้ และในกลไกการเกิดพิษจะทำให้เราทราบเกี่ยวกับการเกาะจับของสื่งที่จะทำให้เกิดสารพิษที่ส่งผลโดยตรงกับร่างกาย หรืออวัยวะ และส่วนต่างๆของเซลล์ภายในร่างกาย ส่วนสิ่งที่ทำให้เกิดพิษอาจจะเกิดขึ้นได้ในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป เช่น เกิดความเป็นพิษเฉียบพลัน ความเป็นพิษเรื้อรัง หรืออาจจะเกิดความเป็นพิษในลักษณะเฉพาะ เช่น การกลายพันธุ์ การเกิดมะเร็ง |
พิษวิทยา (Toxicology มาจากคำว่า toxicos และ logos ในภาษากรีก) เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับผลของสารพิษที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาและชีววิทยาของสิ่งมีชีวิต อาการพิษ กลไกการเกิดพิษ วิธีการรักษา และการตรวจสอบความเป็นพิษของสาร |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
ข้อใดเกี่ยวข้องกับ Histamine
|
3. CN 4 |
|
เพราะCN 4 เป็นประสาททรอเคลียร์ ซึ่งเป็นเส้นประสาทสั่งการ |
ฮีสตามีน (Histamine) เป็นสารที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการอักเสบ หลั่งจากมาสต์เซลล์ (Mast cell) เบโซฟิล และเกล็ดเลือด เมื่อเนื้อเยื่อถูกทำลาย ฮีสตามีนที่หลังมาจากเซลล์เหล่านี้จะจับกับตัวรับ (Receptor) ที่เส้นเลือดฝอยและเส้นเลือดดำขนาดเล็ก (Venule) ทำให้เส้นเลือดขยายตัวและเพิ่มการไหลผ่านของพลาสมาในเส้นเลือด |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
ข้อใดเกี่ยวไม่ข้องกับ Environmental toxicology
|
4. biological agents |
|
Solvent Pollutantsคือมลพิษ/สารพิษที่เป็นตัวทำลาย Inorganic Pollutants คือสารพิษ/มลพิษอนินทรีย์ Pesticidesคือสารกำจักศัตรูพืชซึ่งเป็นสารพิษเช่นกัน |
พิษวิทยา (Toxicology มาจากคำว่า toxicos และ logos ในภาษากรีก) เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับผลของสารพิษที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาและชีววิทยาของสิ่งมีชีวิต อาการพิษ กลไกการเกิดพิษ วิธีการรักษา และการตรวจสอบความเป็นพิษของสาร |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับ drug research in cancer
|
5. prevention strategies |
|
เพราะ Targeted Treatments เป็นการรักษามะเร็งแบบเจาะจงว่าเป็นชนิดหหนเเละเลือกทำลายเฉพาะcellนั้นๆอย่างแม่มยำ Personalized Treatmentคือการรักษามะเร็งแบบเเยกผู้คนออกเป็นกลุ่มๆโดยจะมีการคิด ปรับ ใช้วิธีการรักษาที่เหมาะกับตัวบุคคลเเต่ละคน Less Effective Treatmentsคือการรักษามะเร็งที่มีผลน้อย Cancer Onsetคือการรักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะเริ่มต้น |
ในการรักษามะเร็งจะมีหลักๆ 4 วิธีคือ surgary(ผ่าออก) Radiotherapy(ฉายรังสี) chemotherapy(ทำคีโม) Altemative(การใช้ยาทางเลือก) |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
scientific study of the properties of toxins คืออะไร
|
1. toxicology |
|
พิษวิทยา (Toxicology) เป็นวิทยาศาสตร์สาขาหนึ่งที่ศึกษาในเรื่องเกี่ยวกับสารพิษ (Poison) โดยคำว่า สารพิษ หมายถึง สารเคมีที่ก่อผลเสียต่อสุขภาพเมื่อเข้าสู่ร่างกายของสิ่งมีชีวิตได้ |
พิษวิทยา (Toxicology) เป็นการศึกษาเกี่ยวกับ สารพิษและกลไกที่สารนั้นมีอิทธิพลต่อระบบพยาธิ สรีรวิทยาของสิ่งมีชีวิต พิษวิทยาจึงเป็นการศึกษาเกี่ยว กับคุณสมบัติทางเคมีและทางกายภาพของสารพิษ ผล ทางพยาธิสรีรวิทยาและอาการที่แสดงออกของสารพิษ เมื่อเข้าสู่สิ่งมีชีวิต รวมทั้งการศึกษาทางด้านวิธีการ ตรวจวิเคราะห์เชิงคุณภาพและเชิงปริมาณของสารพิษที่ มีอยู่ในสิ่งมีชีวิตและในสิ่งไม่มีชีวิต นอกจากนี้ยัง ครอบคลุมถึงการศึกษาทางด้านวิธีการรักษาและการ พัฒนาสารต้านพิษที่จําเพาะสําหรับสารพิษแต่ละชนิด ด้วย1 ซึ่งพิษวิทยาสมัยใหม่จะประกอบไปด้วยการศึกษา ทางด้านวิทยาศาสตร์ในหลายสาขาวิชา เช่น เภสัช วิทยา สรีรวิทยา ชีววิทยา อณูชีววิทยา เคมี ชีวเคมี อณูพันธุศาสตร์ อิมมูโนวิทยา ที่จะเน้นศึกษากลไกการ เกิดพิษของสาร สภาวะที่ทําให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ และการพัฒนาวิธีการตรวจวิเคราะห์ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับ DREs
|
2. CNS stimulants |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
ข้อใดเกี่ยวข้องกับ Amphiphilic polymers
|
2. hydrophobic core |
|
แอมฟิฟิลิก (amphiphilic) หมายถึงสารประกอบที่มีโครงสร้างโมเลกุลแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ชอบน้ำ เรียกว่า ไฮโดรฟิลิก และส่วนที่ชอบไขมัน เรียกว่า ลิโพฟิลิก หรือไฮโดรโฟบิก |
แอมฟิฟิลิกโพลิเมอร์เป็นโมเลกุลขนาดใหญ่ที่มีส่วนประกอบที่ไม่ชอบน้ำและชอบน้ำในเวลาเดียวกัน โมเลกุลเหล่านี้ไม่เพียงดึงดูดความสนใจในการวิจัยเชิงวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นวัสดุที่สำคัญในอุตสาหกรรมอีกด้วย |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|