ตรวจข้อสอบ > อภิชญา แซ่ลิ้ม > เคมีเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Chemistry in Medical Science > Part 2 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 2 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


What is hybrid micellar liquid chromatography primarily used for in the study?

To detect commonly used pesticides in vegetables.

Hybrid micellar liquid chromatography (HMLC) ถูกใช้ในบทความเพื่อ ตรวจสอบสารพิษที่ใช้ในพืช โดยเฉพาะสารเคมีที่ใช้เป็นยาฆ่าแมลง (pesticides) ซึ่งมีการใช้เทคนิคนี้ในการตรวจหาสารเคมีที่ตกค้างในพืช ผัก และผลไม้ เพื่อประเมินความปลอดภัยในการบริโภคและการป้องกันสารเคมีตกค้างที่อาจมีผลต่อสุขภาพ Micellar Liquid Chromatography (MLC) HMLC เป็นเทคนิคที่ผสมผสาน micellar liquid chromatography ซึ่งใช้สำหรับการแยกและตรวจหาสารเคมีในตัวอย่างต่างๆ เช่น สารพิษตกค้างในพืช โดยใช้ micelles ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ช่วยในการละลายและแยกสารที่มีความเป็นกรดหรือด่างได้ดี 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


Which pesticide was found most commonly in the vegetable samples?

Imidacloprid

ในบทความกล่าวถึงว่า Imidacloprid เป็นสารพิษที่พบมากที่สุดในตัวอย่างผักที่ถูกทดสอบ ซึ่ง Imidacloprid เป็นสารเคมีในกลุ่ม neonicotinoids ที่มักถูกใช้เป็นยาฆ่าแมลงเพื่อควบคุมแมลงศัตรูพืชต่างๆ ในการเกษตร แต่การตกค้างของสารพิษนี้ในพืชอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค Pesticide Residue Testing การทดสอบสารพิษตกค้างในพืชเป็นวิธีสำคัญในการรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เกษตร และการค้นพบสารพิษที่มีการใช้บ่อยๆ เช่น Imidacloprid ช่วยให้สามารถตรวจสอบและลดความเสี่ยงต่อผู้บริโภค 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


What percentage of the vegetable samples tested were found to contain no detectable pesticides?

4%

จากการศึกษาที่กล่าวถึงในบทความ พบว่า 4% ของตัวอย่างผักที่ทดสอบไม่พบสารพิษตกค้างใดๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้ว่าสารพิษจะใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่ได้ตกค้างในผักที่ทดสอบ Pesticide Residue Testing การทดสอบสารพิษตกค้างในพืชช่วยให้ทราบถึงการใช้งานสารพิษในอุตสาหกรรมการเกษตร และช่วยประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคผักที่มีสารพิ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


Which of the following is NOT a reason for the use of hybrid micellar liquid chromatography (HMLC)?

It requires extensive solvent use.

Hybrid micellar liquid chromatography (HMLC) เป็นเทคนิคที่มีข้อดีหลายประการ เช่น เป็นวิธีการวิเคราะห์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (green analytical method) โดยใช้สารเคมีที่มีความเป็นพิษต่ำ และสามารถให้ผลการทดสอบที่รวดเร็วและง่ายต่อการใช้งาน อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ไม่ต้องการการใช้สารละลายมากมาย ดังนั้น การใช้สารละลายจำนวนมาก จึงไม่ใช่คุณสมบัติของ HMLC Green Analytical Chemistry เทคนิคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะเน้นการลดการใช้สารเคมีที่เป็นพิษ และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่ง HMLC ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของการวิเคราะห์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


What was the primary methodological change in the HMLC technique used in the study?

Use of a micellar mobile phase with reduced solvent usage.

ในบทความ Hybrid Micellar Liquid Chromatography (HMLC) ถูกพัฒนาขึ้นโดยการใช้ micellar mobile phase ซึ่งช่วยในการแยกสารต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับ การลดการใช้สารละลาย โดยเฉพาะสารเคมีที่มีพิษ การใช้ micelles ช่วยให้กระบวนการแยกสารสามารถทำได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสารละลายชนิดต่างๆ ที่ใช้ในวิธีการแยกสารแบบดั้งเดิม Micellar Liquid Chromatography (MLC) การใช้ micelles ในการแยกสารเคมีใน HMLC ช่วยลดการใช้สารละลายที่เป็นพิษ และทำให้การแยกสารต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


According to the study, why might vegetable growers prefer other pesticides over Imidacloprid (ICP)?

ICP has a higher environmental impact.

จากการศึกษาที่กล่าวถึงในบทความ Imidacloprid (ICP) มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์ยาฆ่าแมลงอื่น ๆ ซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรเลือกใช้สารเคมีชนิดอื่นที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า นอกจากนี้ยังมีการศึกษาเกี่ยวกับ ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ Imidacloprid มีการใช้น้อยลงในบางกรณี Pesticide Regulation and Safety หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการใช้สารเคมีในเกษตรกรรมมักจะพิจารณาถึง ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และ ความปลอดภัย ของสารเคมีชนิดต่างๆ ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์การเกษตร ซึ่งมีผลต่อการเลือกใช้สารพิษในระยะยาว 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


What is the major benefit of using ICP as a pesticide, according to the study?

It is more effective than any other pesticide.

จากการศึกษาที่กล่าวถึงในบทความ Imidacloprid (ICP) ได้รับการยกย่องว่าเป็นสารเคมีที่ มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมแมลงศัตรูพืช เมื่อเทียบกับยาฆ่าแมลงชนิดอื่นๆ ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เกษตรกรเลือกใช้สารนี้ แม้ว่าจะมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยก็ตาม Efficacy of Pesticides ประสิทธิภาพในการควบคุมแมลงศัตรูพืชเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้ยาฆ่าแมลง โดย Imidacloprid เป็นสารที่มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมแมลงบางชนิด ซึ่งทำให้มันเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมการเกษตร 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


What aspect of the pesticide detection method was focused on during the method validation phase?

Ensuring it can detect extremely low pesticide levels.

ในขั้นตอนการตรวจสอบวิธีการตรวจจับสารพิษ การยืนยันความสามารถในการตรวจจับระดับสารพิษที่ต่ำมาก เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เนื่องจากการตรวจจับสารพิษที่มีปริมาณต่ำในผักนั้นจำเป็นต้องใช้เทคนิคที่มีความแม่นยำและสามารถตรวจหาสารพิษได้แม้ในระดับที่ไม่สูงมาก Sensitivity and Detection Limits in Analytical Chemistry การทดสอบความไวในการตรวจจับสารพิษที่มีระดับต่ำเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบสารพิษตกค้างในอาหาร โดยต้องสามารถตรวจจับสารในระดับที่ต่ำกว่าขีดจำกัดที่อาจเป็นอันตราย 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


Considering the environmental impacts discussed, why is the HMLC method considered 'green'?

It involves less waste and uses low-toxicity solvents.

Hybrid Micellar Liquid Chromatography (HMLC) ถูกพิจารณาว่าเป็นวิธีการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือ “green” เนื่องจากมัน ลดการใช้สารละลายที่เป็นพิษ และ ลดของเสีย เมื่อเทียบกับวิธีการแยกสารแบบดั้งเดิม เช่น การใช้สารละลายที่มีความเป็นพิษสูงหรือการผลิตขยะเคมีจำนวนมาก เทคนิคนี้ช่วยให้การทดสอบมีความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น Green Chemistry and Sustainable Practices HMLC เป็นการประยุกต์ใช้หลักการของ green chemistry โดยการใช้สารเคมีที่มีพิษต่ำและการลดการสร้างของเสีย ซึ่งเป็นหลักการที่สำคัญในการพัฒนาเทคนิคที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


What is the importance of the photodiode array detector in the HMLC technique used in the study?

It detects the presence of pesticides across a spectrum of wavelengths.

Photodiode array detector ในเทคนิค Hybrid Micellar Liquid Chromatography (HMLC) ใช้สำหรับการ ตรวจจับการปรากฏของสารพิษในช่วงคลื่นแสงที่กว้าง ซึ่งช่วยให้สามารถระบุและวิเคราะห์สารพิษที่มีอยู่ในตัวอย่างได้แม่นยำยิ่งขึ้น การใช้ photodiode array detector ทำให้สามารถวิเคราะห์สารหลายชนิดพร้อมกันได้ในครั้งเดียวและตรวจจับสัญญาณที่เกิดจากสารต่างๆ ที่มีคุณสมบัติในการดูดกลืนแสงที่แตกต่างกัน Chromatographic Analysis การใช้ photodiode array detector ในการแยกสารใน HMLC ช่วยในการวิเคราะห์สารพิษและสารประกอบอื่นๆ ที่มีในตัวอย่างได้ดีขึ้น ด้วยการตรวจจับสารเคมีที่มีการดูดกลืนแสงในช่วงคลื่นต่างๆ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


What is hyperthermia commonly used to treat?

Cancer

Hyperthermia เป็นการรักษาที่ใช้ความร้อนสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งหรือทำให้เซลล์มะเร็งไวต่อการรักษาอื่นๆ เช่น การใช้รังสีหรือเคมีบำบัด การใช้ความร้อนในการรักษามะเร็งสามารถช่วยให้เซลล์มะเร็งตายหรือหยุดการเจริญเติบโตได้ โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อปกติรอบๆ เซลล์มะเร็งมากนัก Thermotherapy in Cancer Treatment Hyperthermia เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ใช้ในการรักษามะเร็ง โดยการใช้ความร้อนสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งเป็นการเสริมการรักษาแบบอื่น เช่น การใช้เคมีบำบัดหรือการฉายรังสี 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


Which method is used to apply heat directly to a tumor in local hyperthermia?

Microwaves

ใน local hyperthermia การใช้ microwaves เป็นวิธีที่นิยมในการใช้ความร้อนโดยตรงกับเนื้องอกเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งหรือทำให้เซลล์มะเร็งไวต่อการรักษาอื่นๆ เช่น การฉายรังสีหรือเคมีบำบัด การใช้ microwaves สามารถเข้าไปกระตุ้นให้เนื้อเยื่อที่มีเซลล์มะเร็งได้รับความร้อนสูง โดยไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้างมากนัก Microwave-Induced Hyperthermia การใช้ microwaves ในการทำ hyperthermia เป็นเทคนิคที่ช่วยให้ความร้อนสามารถไปกระตุ้นที่เนื้องอกโดยตรง การใช้คลื่นไมโครเวฟทำให้สามารถรักษาเนื้องอกในพื้นที่จำกัดได้โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบๆ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


What is the primary benefit of using hyperthermia in cancer treatment?

It kills cancer cells with minimal damage to normal cells.

Hyperthermia มีประโยชน์หลักในการรักษามะเร็งคือการ ทำลายเซลล์มะเร็งโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อปกติอย่างรุนแรง ความร้อนที่ใช้ในกระบวนการ hyperthermia จะทำลายหรือทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง แต่ในขณะเดียวกันมันก็สามารถลดความเสียหายที่เกิดกับเซลล์ที่ไม่เป็นมะเร็งได้ ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีในการเสริมการรักษาแบบอื่น เช่น การฉายรังสีหรือเคมีบำบัด Selective Cancer Cell Destruction ความร้อนใน hyperthermia ถูกออกแบบมาเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อปกติ โดยใช้หลักการที่ว่าเซลล์มะเร็งมักจะมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิสูง 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


Hyperthermia is often used in combination with which of the following treatments?

Radiotherapy and chemotherapy

Hyperthermia มักจะใช้ร่วมกับ radiotherapy (การฉายรังสี) และ chemotherapy (เคมีบำบัด) ในการรักษามะเร็ง การใช้ hyperthermia สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำลายเซลล์มะเร็งเมื่อใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ โดยความร้อนสามารถทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลงและไวต่อการฉายรังสีหรือยาเคมีบำบัดที่ใช้ในการรักษามะเร็ง Thermal Sensitization Hyperthermia ช่วยเสริมประสิทธิภาพของ radiotherapy และ chemotherapy โดยทำให้เซลล์มะเร็งไวต่อการรักษาด้วยรังสีหรือยาเคมีบำบัด ซึ่งจะช่วยทำลายเซลล์มะเร็งได้ดียิ่งขึ้น 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


What is the main challenge of using hyperthermia in cancer treatment?

Reaching and maintaining the required temperature in the target area.

หนึ่งในความท้าทายหลักของการใช้ hyperthermia ในการรักษามะเร็งคือการ เข้าถึงและรักษาอุณหภูมิที่ต้องการในบริเวณที่เป็นเป้าหมาย การรักษาด้วยความร้อนต้องการการควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำและสม่ำเสมอในบริเวณที่มีเซลล์มะเร็ง โดยไม่ทำให้เนื้อเยื่อปกติรอบๆ ได้รับความเสียหาย Thermal Management in Hyperthermia การรักษา hyperthermia ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิอย่างระมัดระวัง เพราะอุณหภูมิที่สูงเกินไปอาจทำลายเนื้อเยื่อปกติได้ แต่การไม่สามารถรักษาอุณหภูมิให้สูงพอในเซลล์มะเร็งอาจทำให้การรักษาไม่ได้ผลเต็มที่ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


Which type of hyperthermia involves heating a larger region or the whole body?

Whole-body hyperthermia

Whole-body hyperthermia คือการใช้ความร้อนเพื่อเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายทั้งหมดหรือบริเวณใหญ่ของร่างกาย การรักษานี้ใช้เพื่อกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง การทำให้ร่างกายร้อนขึ้นสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษามะเร็ง เช่น การฉายรังสีและเคมีบำบั Systemic Effects of Hyperthermia Whole-body hyperthermia มักถูกใช้เพื่อกระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยการทำให้ร่างกายร้อนขึ้น ซึ่งช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


What type of hyperthermia uses applicators inserted into or near a body cavity to deliver heat?

Endocavitary hyperthermia

Endocavitary hyperthermia คือการใช้แอพพลิเคเตอร์ที่ถูกใส่เข้าไปในโพรงของร่างกาย เช่น ช่องท้องหรือมดลูก เพื่อให้ความร้อนแก่เนื้อเยื่อในบริเวณที่เป็นเป้าหมาย การรักษานี้มักใช้ในการรักษามะเร็งที่อยู่ภายในอวัยวะที่มีโพรง เช่น มดลูกหรือท่อทางเดินปัสสาวะ Targeted Delivery of Heat Endocavitary hyperthermia เป็นวิธีที่สามารถให้ความร้อนโดยตรงกับบริเวณที่มีเนื้องอกในอวัยวะที่มีโพรง เช่น มดลูกหรือท้อง โดยการใช้แอพพลิเคเตอร์ที่ใส่เข้าไปในโพรงร่างกาย 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


What is a significant potential side effect of whole-body hyperthermia?

Systemic stress affecting major organs

Whole-body hyperthermia สามารถทำให้ร่างกายมีความเครียดทางระบบ (systemic stress) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะสำคัญ ๆ เช่น หัวใจและไต โดยการเพิ่มอุณหภูมิทั่วร่างกายอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากความร้อน เช่น การเสื่อมสภาพของอวัยวะที่สำคัญ หรือการทำงานที่ผิดปกติของระบบต่างๆ ในร่างกาย Heat Shock Proteins (HSPs) Response ความร้อนที่เกิดขึ้นจาก hyperthermia อาจกระตุ้นการผลิต heat shock proteins (HSPs) ที่ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายจากความร้อน แต่การรักษาที่อุณหภูมิสูงเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


Considering the physics of heat transfer, why is controlling hyperthermia challenging during treatment?

Human tissue has varying thermal conductivities which affect heat distribution.

การควบคุม hyperthermia เป็นเรื่องท้าทายเพราะ เนื้อเยื่อในร่างกายมนุษย์มีสมบัติการนำความร้อนที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้การกระจายความร้อนในร่างกายไม่สม่ำเสมอ ในบริเวณที่มีเซลล์มะเร็ง อาจจะมีการนำความร้อนที่ไม่ดีเท่ากับเนื้อเยื่อปกติ ทำให้เกิดความยากลำบากในการทำให้ความร้อนกระจายไปยังบริเวณที่ต้องการรักษา Thermal Conductivity in Biological Tissues เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์มีความสามารถในการนำความร้อนที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับส่วนประกอบของเนื้อเยื่อ เช่น เลือด กระดูก และกล้ามเนื้อ ทำให้การกระจายความร้อนในร่างกายไม่เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


Why is hyperthermia considered a beneficial adjunct to radiotherapy and chemotherapy?

It makes cancer cells more susceptible to other treatments.

Hyperthermia ถือเป็นวิธีเสริมที่มีประโยชน์กับการรักษาด้วย radiotherapy และ chemotherapy เพราะความร้อนที่เกิดขึ้นสามารถทำให้เซลล์มะเร็งมีความไวต่อการรักษามากขึ้น โดยการทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลงและทำลายได้ง่ายขึ้นจากการฉายรังสีหรือการใช้ยาเคมีบำบัด ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำลายเนื้องอกโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณของการรักษาเหล่านั้น Synergy Between Hyperthermia and Chemoradiation การใช้ hyperthermia เป็นการเสริมการรักษาด้วย chemoradiation ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำลายเซลล์มะเร็ง ทำให้การรักษามีผลดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดของรังสีหรือปริมาณยาเคมีบำบัด 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 86.05 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา