ตรวจข้อสอบ > นายชมะนันทน์ บุบผัน > เคมีเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Chemistry in Medical Science > Part 2 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 26 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


What is hybrid micellar liquid chromatography primarily used for in the study?

To detect commonly used pesticides in vegetables.

hybrid micellar liquid chromatography เป็นเทคนิคที่ใช้ในการตรวจหาสารเคมีที่พบในผักและเป็นวิธีการวิเคราะห์ที่รวดเร็ว ง่ายต่อการใช้งาน นอกจากนี้ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากใช้สารเคมีที่เป็นพิษน้อยลง hybrid micellar liquid chromatography เป็นการรวมคุณสมบัติของการโครมาโทกราฟีและไมเซลลาที่สามารถแยกสารเคมีได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเหมาะสมสำหรับการตรวจสอบสารพิษที่พบในผัก 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


Which pesticide was found most commonly in the vegetable samples?

Imidacloprid

Imidacloprid เป็นสารพิษที่พบมากที่สุดในตัวอย่างผักที่ได้รับการตรวจสอบ โดยเฉพาะในผักที่มีการใช้ยาฆ่าแมลง สารพิษ Imidacloprid เป็นสารที่ใช้กันมากในอุตสาหกรรมเกษตรเพราะมีประสิทธิภาพในการฆ่าหรือป้องกันแมลงในพืช 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


What percentage of the vegetable samples tested were found to contain no detectable pesticides?

16%

จากผลการวิจัยพบว่า 16% ของตัวอย่างผักใบเขียวที่ทดสอบไม่พบสารกำจัดศัตรูพืช ซึ่งหมายความว่าในจำนวน 48 ตัวอย่างผักใบเขียวที่เก็บมาจากเมือง Sagar มีประมาณ 8 ตัวอย่างที่ไม่มีการปนเปื้อนสารกำจัดศัตรูพืช ข้อมูลนี้มาจากผลการวิจัยในส่วนของการวิเคราะห์สารกำจัดศัตรูพืชในผักใบเขียว ซึ่งมีการทดสอบสาร 4 ชนิด ได้แก่ CPS, PFF, ICP, และ CP โดยพบว่า 16% ของตัวอย่างไม่พบสารกำจัดศัตรูพืชใด ๆ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


Which of the following is NOT a reason for the use of hybrid micellar liquid chromatography (HMLC)?

It requires extensive solvent use.

Hybrid Micellar Liquid Chromatography (HMLC) เป็นวิธีการวิเคราะห์ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (green analytical method) โดยใช้สารเคมีที่เป็นพิษในปริมาณน้อย ไม่ต้องใช้สารละลายจำนวนมาก และง่ายต่อการใช้งาน ดังนั้นการใช้สารละลายจำนวนมากจึงไม่ใช่คุณสมบัติของ HMLC จากข้อมูลในงานวิจัยและลักษณะของ HMLC พบว่าเทคนิคนี้มีข้อดีในด้านการใช้สารเคมีที่มีพิษน้อยและประหยัดการใช้สารละลาย ซึ่งทำให้เป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการที่เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม. 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


What was the primary methodological change in the HMLC technique used in the study?

Use of a micellar mobile phase with reduced solvent usage.

การเปลี่ยนแปลงหลักในเทคนิค HMLC ที่ใช้ในงานวิจัยนี้คือการใช้เฟสเคลื่อนที่แบบไมเซลล์ (micellar mobile phase) ซึ่งช่วยลดการใช้สารละลาย (solvent) โดยใช้สารเคมีที่เป็นพิษน้อยลง ทำให้เป็นวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและง่ายต่อการใช้งานในห้องปฏิบัติการ จากข้อมูลในงานวิจัย พบว่าการใช้เฟสเคลื่อนที่แบบไมเซลล์ช่วยลดการใช้สารละลายและทำให้วิธีการวิเคราะห์มีความยั่งยืนมากขึ้น ทั้งยังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


According to the study, why might vegetable growers prefer other pesticides over Imidacloprid (ICP)?

ICP has a higher environmental impact.

จากงานวิจัย พบว่า เกษตรกรอาจเลือกใช้สารกำจัดศัตรูพืชชนิดอื่นแทน Imidacloprid (ICP) เนื่องจาก ICP มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าสารอื่นๆ เช่น Chlorpyrifos (CPS) ซึ่งมีราคาไม่แพงและมีประสิทธิภาพในการควบคุมศัตรูพืชดี โดย ICP ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพในการกำจัดศัตรูพืช แต่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ทำให้เกษตรกรอาจเลือกใช้สารที่มีผลกระทบน้อยกว่าแทน ในงานวิจัยนี้พบว่า CPS (Chlorpyrifos) เป็นสารที่เกษตรกรนิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากราคาถูกและมีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมศัตรูพืช ในขณะที่ Imidacloprid (ICP) มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า จึงทำให้เกษตรกรอาจหลีกเลี่ยงการใช้ ICP มากขึ้น แม้ว่า ICP จะมีประสิทธิภาพในการควบคุมศัตรูพืชก็ตาม 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


What is the major benefit of using ICP as a pesticide, according to the study?

It is less toxic compared to many others.

จากการศึกษาพบว่า Imidacloprid (ICP) เป็นสารกำจัดศัตรูพืชที่มีความเป็นพิษต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสารอื่น ๆ เช่น Chlorpyrifos (CPS) ซึ่งมีความเป็นพิษสูงกว่า จึงเป็นเหตุผลที่บางครั้ง ICP ถูกพิจารณาให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าแม้ว่าอาจจะมีราคาสูงกว่าบ้าง แต่ก็เป็นทางเลือกที่ลดความเสี่ยงต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม สารกำจัดศัตรูพืชบางชนิดมีความเป็นพิษสูงและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มาก แต่ Imidacloprid (ICP) ถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในแง่ของความเป็นพิษที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสารบางตัวที่พบได้บ่อยในการเกษตร 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


What aspect of the pesticide detection method was focused on during the method validation phase?

Ensuring it can detect extremely low pesticide levels.

ในขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้อง (method validation) ของการวิเคราะห์สารกำจัดศัตรูพืชด้วย Hybrid Micellar Liquid Chromatography (HMLC) นักวิจัยมุ่งเน้นการยืนยันว่าการตรวจจับสารกำจัดศัตรูพืชในผักใบเขียวสามารถทำได้แม้ในระดับที่ต่ำมาก เนื่องจากการตรวจหาสารในระดับที่ต่ำมีความสำคัญในการประเมินความปลอดภัยของอาหารและผลกระทบต่อสุขภาพผู้บริโภค การตรวจสอบสารกำจัดศัตรูพืชในระดับต่ำสามารถช่วยให้การวิเคราะห์มีความแม่นยำในการตรวจหาการปนเปื้อนที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค การตรวจหาระดับต่ำนี้จึงเป็นหนึ่งในข้อกำหนดหลักของการทดสอบวิธีการทางเคมี 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


Considering the environmental impacts discussed, why is the HMLC method considered 'green'?

It involves less waste and uses low-toxicity solvents.

วิธีการ Hybrid Micellar Liquid Chromatography (HMLC) ถือว่าเป็นวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ "green" เพราะมันใช้สารเคมีที่เป็นพิษน้อยกว่าเมื่อเทียบกับวิธีการทางเคมีแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีการใช้ปริมาณสารละลายน้อยลง ซึ่งช่วยลดปริมาณของเสียและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว การเลือกใช้สารละลายที่มีความเป็นพิษต่ำและการลดปริมาณสารเคมีในการทดลองช่วยทำให้วิธีการนี้เป็นวิธีที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงลดการสร้างขยะหรือของเสียที่อาจส่งผลเสียต่อระบบนิเวศ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


What is the importance of the photodiode array detector in the HMLC technique used in the study?

It detects the presence of pesticides across a spectrum of wavelengths.

การใช้ Photodiode Array Detector (PDA) ในเทคนิค Hybrid Micellar Liquid Chromatography (HMLC) เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมันช่วยในการตรวจจับสารกำจัดศัตรูพืชในช่วงคลื่นของแสงที่กว้าง ช่วยให้การระบุสารได้แม่นยำมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้การวิเคราะห์ที่จำกัดเพียงแค่คลื่นแสงเฉพาะ นอกจากนี้ยังช่วยให้การตรวจจับหลายๆ สารได้ในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้กระบวนการตรวจสอบสารกำจัดศัตรูพืชมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น Photodiode Array Detector เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การตรวจจับสารในสารละลายมีความละเอียดและแม่นยำโดยการวิเคราะห์สัญญาณที่ได้รับจากแสงในช่วงคลื่นต่างๆ ทำให้สามารถตรวจจับสารต่างๆ ได้ในทุกช่วงคลื่นที่เกี่ยวข้อง 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


What is hyperthermia commonly used to treat?

Cancer

การรักษาด้วยความร้อน (Hyperthermia) มักใช้ในการรักษามะเร็ง โดยการใช้ความร้อนเพื่อทำลายหรือทำให้อ่อนแอเซลล์มะเร็ง เทคนิคนี้มักใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ เช่น การฉายรังสีหรือเคมีบำบัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามะเร็ง จากงานวิจัย "Hyperthermia: Role and Risk Factor for Cancer Treatment" กล่าวถึงการใช้ Hyperthermia เป็นวิธีการรักษามะเร็งที่มีประสิทธิภาพ โดยการใช้ความร้อนช่วยทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอและตอบสนองดีขึ้นต่อการรักษาด้วยรังสีและเคมีบำบัด 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


Which method is used to apply heat directly to a tumor in local hyperthermia?

Microwaves

ในการรักษามะเร็งด้วยการให้ความร้อนแบบท้องถิ่น (Local Hyperthermia) จะใช้คลื่นไมโครเวฟ (Microwaves) เพื่อให้ความร้อนตรงไปยังเนื้อเยื่อที่มีเซลล์มะเร็ง คลื่นไมโครเวฟจะสามารถเจาะลึกลงไปในเนื้อเยื่อและทำให้เกิดการเพิ่มอุณหภูมิที่เนื้อมะเร็งโดยตรง ช่วยทำลายเซลล์มะเร็ง และทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอต่อการรักษาอื่นๆ เช่น การรักษาด้วยรังสีหรือเคมีบำบัดได้ จากการศึกษาในงานวิจัย "Hyperthermia: Role and Risk Factor for Cancer Treatment" โดย Sheetal Jha et al. (2016) การใช้ไมโครเวฟในวิธี Hyperthermia สำหรับการรักษามะเร็งท้องถิ่นเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษามะเร็ง 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


What is the primary benefit of using hyperthermia in cancer treatment?

It kills cancer cells with minimal damage to normal cells.

การใช้การให้ความร้อนในรูปแบบ hyperthermia จะทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอต่อการรักษาด้วยการให้ความร้อน เนื่องจากเซลล์มะเร็งมีอุณหภูมิที่ไวต่อการทำลายมากกว่าความร้อนที่สามารถทำลายเซลล์ปกติได้ จึงสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อที่ปกติรอบข้างมากเกินไป จากการศึกษาของ Sheetal Jha et al. (2016) เกี่ยวกับ hyperthermia ในการรักษามะเร็ง การให้ความร้อนทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายโดยการที่โปรตีนและโครงสร้างของเซลล์มะเร็งได้รับความเสียหาย ซึ่งทำให้กระบวนการรักษามีประสิทธิภาพสูงเมื่อใช้ร่วมกับวิธีการรักษาอื่น เช่น รังสีหรือเคมีบำบัด 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


Hyperthermia is often used in combination with which of the following treatments?

Radiotherapy and chemotherapy

การรักษาด้วย Hyperthermia มักถูกใช้ร่วมกับการรักษาด้วยรังสีและเคมีบำบัดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามะเร็ง โดยการให้ความร้อนจะทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง ทำให้การรักษาด้วยรังสีและเคมีบำบัดสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยเพิ่มอัตราการตอบสนองและอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย อ้างอิงจากการศึกษาโดย Sheetal Jha et al. (2016) พบว่าเมื่อใช้ hyperthermia ร่วมกับรังสีรักษาและเคมีบำบัด มันสามารถช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อการรักษาและเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งศีรษะและคอ มะเร็งเต้านม และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


What is the main challenge of using hyperthermia in cancer treatment?

Reaching and maintaining the required temperature in the target area.

หนึ่งในความท้าทายหลักของการใช้ Hyperthermia ในการรักษามะเร็งคือการรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมในบริเวณที่ต้องการรักษา โดยเฉพาะเมื่อทำการรักษาด้วยวิธีการที่มีการใช้ความร้อนในระดับที่ต้องการเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งต้องมีการควบคุมและติดตามอุณหภูมิในพื้นที่ที่ต้องการรักษาอย่างระมัดระวัง หากอุณหภูมิสูงเกินไปอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อปกติที่อยู่ใกล้เคียง จากการศึกษาหลายชิ้นพบว่า การควบคุมอุณหภูมิในระหว่างการรักษาด้วย Hyperthermia เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นการรักษาแบบท้องถิ่น (local hyperthermia) เช่น การรักษาก้อนมะเร็งที่อวัยวะหรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


Which type of hyperthermia involves heating a larger region or the whole body?

Whole-body hyperthermia

Whole-body hyperthermia คือการรักษาที่ใช้ความร้อนในการทำให้ร่างกายทั้งหมดหรือพื้นที่ที่กว้างขวางของร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยทั่วไปแล้ววิธีนี้ใช้ในการรักษามะเร็งบางชนิดที่ต้องการให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น เช่น การกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองจากภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง โดยการให้ความร้อนกระจายไปทั่วทั้งร่างกายแทนที่จะให้ความร้อนเพียงแค่บางส่วน (local hyperthermia) หรือแค่บางพื้นที่ (regional hyperthermia) ตามการศึกษาพบว่า Whole-body hyperthermia ใช้ในกรณีที่ต้องการกระตุ้นการตอบสนองจากภูมิคุ้มกันหรือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาอื่น ๆ เช่น รังสีรักษาและเคมีบำบัด ซึ่งการให้ความร้อนในระดับที่ทั่วถึงทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาได้ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


What type of hyperthermia uses applicators inserted into or near a body cavity to deliver heat?

Endocavitary hyperthermia

Endocavitary hyperthermia คือการรักษาที่ใช้แอปพลิเคเตอร์ที่ถูกใส่เข้าไปในหรือใกล้กับโพรงในร่างกาย เช่น ทางทวารหนักหรือช่องปาก เพื่อให้ความร้อนแก่เนื้อเยื่อในบริเวณนั้น ๆ วิธีนี้เหมาะสำหรับการรักษามะเร็งที่อยู่ในอวัยวะที่สามารถเข้าถึงได้จากภายใน เช่น มะเร็งในลำไส้ใหญ่หรือปากมดลูก ตามหลักการการรักษาด้วย hyperthermia ประเภทนี้ แอปพลิเคเตอร์ที่ใช้สามารถให้ความร้อนได้แม่นยำและตรงจุดในบริเวณที่เป็นเป้าหมายในร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการทำลายเซลล์มะเร็งที่อยู่ในบริเวณลึกหรือในอวัยวะภายใน 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


What is a significant potential side effect of whole-body hyperthermia?

Systemic stress affecting major organs

Whole-body hyperthermia คือการรักษาที่ใช้การเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายให้สูงขึ้น ซึ่งสามารถมีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็ง แต่ก็มีความเสี่ยงที่สำคัญด้วย ผลข้างเคียงที่สำคัญคือความเครียดจากระบบที่ส่งผลต่ออวัยวะภายในร่างกาย เช่น หัวใจ, ตับ และไต ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ, การทำงานของอวัยวะผิดปกติ หรือในกรณีรุนแรงอาจนำไปสู่ภาวะอวัยวะล้มเหลว การรักษาด้วยวิธีนี้จึงต้องได้รับการติดตามและดูแลอย่างใกล้ชิด จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่า การรักษาด้วยความร้อนที่สูงทั่วร่างกาย (whole-body hyperthermia) อาจทำให้เกิดความเครียดทางร่างกายและภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว หรือภาวะการทำงานของไตผิดปกติ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


Considering the physics of heat transfer, why is controlling hyperthermia challenging during treatment?

Human tissue has varying thermal conductivities which affect heat distribution.

การควบคุมอุณหภูมิในกระบวนการรักษาด้วยความร้อน (hyperthermia) เป็นเรื่องที่ท้าทายเนื่องจากเนื้อเยื่อมนุษย์ไม่สามารถนำความร้อนได้อย่างสม่ำเสมอ โดยเนื้อเยื่อที่มีความหนาแน่นและปริมาณเลือดมาก (เช่น เนื้อเยื่อไขมันหรือกล้ามเนื้อ) จะนำความร้อนได้ดีน้อยกว่าเนื้อเยื่อที่มีการไหลเวียนของเลือดมาก (เช่น เนื้อเยื่อที่มีหลอดเลือดมาก เช่น มะเร็ง) ซึ่งอาจทำให้เกิดความร้อนสะสมในบางบริเวณ ขณะที่บางบริเวณอาจไม่ได้รับความร้อนเพียงพอ การกระจายความร้อนที่ไม่สม่ำเสมอในร่างกายจึงทำให้การรักษามีความยากลำบาก จากหลักฟิสิกส์ของการถ่ายเทความร้อน พบว่า การนำความร้อนในเนื้อเยื่อมนุษย์นั้นจะมีค่าต่างกันไปตามชนิดของเนื้อเยื่อ ซึ่งสามารถส่งผลต่อการควบคุมอุณหภูมิในขณะรักษา ในการรักษามะเร็งโดยใช้ความร้อน อาจพบปัญหาในการทำให้เนื้อเยื่อทั้งหมดได้รับความร้อนที่เหมาะสมในระดับที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


Why is hyperthermia considered a beneficial adjunct to radiotherapy and chemotherapy?

It makes cancer cells more susceptible to other treatments.

การรักษาด้วยความร้อน (Hyperthermia) นั้นจะทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง และเพิ่มความไวต่อการรักษาด้วยรังสีและเคมีบำบัด โดยความร้อนจะทำให้โปรตีนในเซลล์มะเร็งเสียหายและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้สารเคมีบำบัดหรือรังสีสามารถเข้าถึงและทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การรักษาด้วยความร้อนยังสามารถช่วยลดความต้านทานของเซลล์มะเร็งต่อการรักษาด้วยรังสีและเคมีบำบัด ตามหลักการทางชีวเคมี ความร้อนที่สูงขึ้นช่วยทำให้ความสามารถของเซลล์มะเร็งในการซ่อมแซมความเสียหายจากการรังสีหรือเคมีบำบัดลดลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพของการรักษาดีขึ้น ดังนั้น การใช้ Hyperthermia ร่วมกับวิธีการรักษาอื่น ๆ จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามะเร็ง 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 84.85 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา