1 |
What is hybrid micellar liquid chromatography primarily used for in the study?
|
To detect commonly used pesticides in vegetables. |
|
hybrid micellar liquid chromatography เป็นเทคนิคที่ใช้ในการตรวจหาสารเคมีที่พบในผักและเป็นวิธีการวิเคราะห์ที่รวดเร็ว ง่ายต่อการใช้งาน นอกจากนี้ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากใช้สารเคมีที่เป็นพิษน้อยลง |
hybrid micellar liquid chromatography เป็นการรวมคุณสมบัติของการโครมาโทกราฟีและไมเซลลาที่สามารถแยกสารเคมีได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเหมาะสมสำหรับการตรวจสอบสารพิษที่พบในผัก |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
Which pesticide was found most commonly in the vegetable samples?
|
Imidacloprid |
|
Imidacloprid เป็นสารพิษที่พบมากที่สุดในตัวอย่างผักที่ได้รับการตรวจสอบ โดยเฉพาะในผักที่มีการใช้ยาฆ่าแมลง |
สารพิษ Imidacloprid เป็นสารที่ใช้กันมากในอุตสาหกรรมเกษตรเพราะมีประสิทธิภาพในการฆ่าหรือป้องกันแมลงในพืช |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
What percentage of the vegetable samples tested were found to contain no detectable pesticides?
|
16% |
|
จากผลการวิจัยพบว่า 16% ของตัวอย่างผักใบเขียวที่ทดสอบไม่พบสารกำจัดศัตรูพืช ซึ่งหมายความว่าในจำนวน 48 ตัวอย่างผักใบเขียวที่เก็บมาจากเมือง Sagar มีประมาณ 8 ตัวอย่างที่ไม่มีการปนเปื้อนสารกำจัดศัตรูพืช |
ข้อมูลนี้มาจากผลการวิจัยในส่วนของการวิเคราะห์สารกำจัดศัตรูพืชในผักใบเขียว ซึ่งมีการทดสอบสาร 4 ชนิด ได้แก่ CPS, PFF, ICP, และ CP โดยพบว่า 16% ของตัวอย่างไม่พบสารกำจัดศัตรูพืชใด ๆ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
Which of the following is NOT a reason for the use of hybrid micellar liquid chromatography (HMLC)?
|
It requires extensive solvent use. |
|
Hybrid Micellar Liquid Chromatography (HMLC) เป็นวิธีการวิเคราะห์ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (green analytical method) โดยใช้สารเคมีที่เป็นพิษในปริมาณน้อย ไม่ต้องใช้สารละลายจำนวนมาก และง่ายต่อการใช้งาน ดังนั้นการใช้สารละลายจำนวนมากจึงไม่ใช่คุณสมบัติของ HMLC |
จากข้อมูลในงานวิจัยและลักษณะของ HMLC พบว่าเทคนิคนี้มีข้อดีในด้านการใช้สารเคมีที่มีพิษน้อยและประหยัดการใช้สารละลาย ซึ่งทำให้เป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการที่เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม. |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
What was the primary methodological change in the HMLC technique used in the study?
|
Use of a micellar mobile phase with reduced solvent usage. |
|
การเปลี่ยนแปลงหลักในเทคนิค HMLC ที่ใช้ในงานวิจัยนี้คือการใช้เฟสเคลื่อนที่แบบไมเซลล์ (micellar mobile phase) ซึ่งช่วยลดการใช้สารละลาย (solvent) โดยใช้สารเคมีที่เป็นพิษน้อยลง ทำให้เป็นวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและง่ายต่อการใช้งานในห้องปฏิบัติการ |
จากข้อมูลในงานวิจัย พบว่าการใช้เฟสเคลื่อนที่แบบไมเซลล์ช่วยลดการใช้สารละลายและทำให้วิธีการวิเคราะห์มีความยั่งยืนมากขึ้น ทั้งยังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
According to the study, why might vegetable growers prefer other pesticides over Imidacloprid (ICP)?
|
ICP has a higher environmental impact. |
|
จากงานวิจัย พบว่า เกษตรกรอาจเลือกใช้สารกำจัดศัตรูพืชชนิดอื่นแทน Imidacloprid (ICP) เนื่องจาก ICP มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าสารอื่นๆ เช่น Chlorpyrifos (CPS) ซึ่งมีราคาไม่แพงและมีประสิทธิภาพในการควบคุมศัตรูพืชดี โดย ICP ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพในการกำจัดศัตรูพืช แต่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ทำให้เกษตรกรอาจเลือกใช้สารที่มีผลกระทบน้อยกว่าแทน |
ในงานวิจัยนี้พบว่า CPS (Chlorpyrifos) เป็นสารที่เกษตรกรนิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากราคาถูกและมีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมศัตรูพืช ในขณะที่ Imidacloprid (ICP) มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า จึงทำให้เกษตรกรอาจหลีกเลี่ยงการใช้ ICP มากขึ้น แม้ว่า ICP จะมีประสิทธิภาพในการควบคุมศัตรูพืชก็ตาม |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
What is the major benefit of using ICP as a pesticide, according to the study?
|
It is less toxic compared to many others. |
|
จากการศึกษาพบว่า Imidacloprid (ICP) เป็นสารกำจัดศัตรูพืชที่มีความเป็นพิษต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสารอื่น ๆ เช่น Chlorpyrifos (CPS) ซึ่งมีความเป็นพิษสูงกว่า จึงเป็นเหตุผลที่บางครั้ง ICP ถูกพิจารณาให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าแม้ว่าอาจจะมีราคาสูงกว่าบ้าง แต่ก็เป็นทางเลือกที่ลดความเสี่ยงต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม |
สารกำจัดศัตรูพืชบางชนิดมีความเป็นพิษสูงและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มาก แต่ Imidacloprid (ICP) ถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในแง่ของความเป็นพิษที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสารบางตัวที่พบได้บ่อยในการเกษตร |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
What aspect of the pesticide detection method was focused on during the method validation phase?
|
Ensuring it can detect extremely low pesticide levels. |
|
ในขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้อง (method validation) ของการวิเคราะห์สารกำจัดศัตรูพืชด้วย Hybrid Micellar Liquid Chromatography (HMLC) นักวิจัยมุ่งเน้นการยืนยันว่าการตรวจจับสารกำจัดศัตรูพืชในผักใบเขียวสามารถทำได้แม้ในระดับที่ต่ำมาก เนื่องจากการตรวจหาสารในระดับที่ต่ำมีความสำคัญในการประเมินความปลอดภัยของอาหารและผลกระทบต่อสุขภาพผู้บริโภค |
การตรวจสอบสารกำจัดศัตรูพืชในระดับต่ำสามารถช่วยให้การวิเคราะห์มีความแม่นยำในการตรวจหาการปนเปื้อนที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค การตรวจหาระดับต่ำนี้จึงเป็นหนึ่งในข้อกำหนดหลักของการทดสอบวิธีการทางเคมี |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
Considering the environmental impacts discussed, why is the HMLC method considered 'green'?
|
It involves less waste and uses low-toxicity solvents. |
|
วิธีการ Hybrid Micellar Liquid Chromatography (HMLC) ถือว่าเป็นวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ "green" เพราะมันใช้สารเคมีที่เป็นพิษน้อยกว่าเมื่อเทียบกับวิธีการทางเคมีแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมีการใช้ปริมาณสารละลายน้อยลง ซึ่งช่วยลดปริมาณของเสียและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว |
การเลือกใช้สารละลายที่มีความเป็นพิษต่ำและการลดปริมาณสารเคมีในการทดลองช่วยทำให้วิธีการนี้เป็นวิธีที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงลดการสร้างขยะหรือของเสียที่อาจส่งผลเสียต่อระบบนิเวศ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
What is the importance of the photodiode array detector in the HMLC technique used in the study?
|
It detects the presence of pesticides across a spectrum of wavelengths. |
|
การใช้ Photodiode Array Detector (PDA) ในเทคนิค Hybrid Micellar Liquid Chromatography (HMLC) เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมันช่วยในการตรวจจับสารกำจัดศัตรูพืชในช่วงคลื่นของแสงที่กว้าง ช่วยให้การระบุสารได้แม่นยำมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้การวิเคราะห์ที่จำกัดเพียงแค่คลื่นแสงเฉพาะ นอกจากนี้ยังช่วยให้การตรวจจับหลายๆ สารได้ในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้กระบวนการตรวจสอบสารกำจัดศัตรูพืชมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น |
Photodiode Array Detector เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การตรวจจับสารในสารละลายมีความละเอียดและแม่นยำโดยการวิเคราะห์สัญญาณที่ได้รับจากแสงในช่วงคลื่นต่างๆ ทำให้สามารถตรวจจับสารต่างๆ ได้ในทุกช่วงคลื่นที่เกี่ยวข้อง |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
What is hyperthermia commonly used to treat?
|
Cancer |
|
การรักษาด้วยความร้อน (Hyperthermia) มักใช้ในการรักษามะเร็ง โดยการใช้ความร้อนเพื่อทำลายหรือทำให้อ่อนแอเซลล์มะเร็ง เทคนิคนี้มักใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ เช่น การฉายรังสีหรือเคมีบำบัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามะเร็ง |
จากงานวิจัย "Hyperthermia: Role and Risk Factor for Cancer Treatment" กล่าวถึงการใช้ Hyperthermia เป็นวิธีการรักษามะเร็งที่มีประสิทธิภาพ โดยการใช้ความร้อนช่วยทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอและตอบสนองดีขึ้นต่อการรักษาด้วยรังสีและเคมีบำบัด |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
Which method is used to apply heat directly to a tumor in local hyperthermia?
|
Microwaves |
|
ในการรักษามะเร็งด้วยการให้ความร้อนแบบท้องถิ่น (Local Hyperthermia) จะใช้คลื่นไมโครเวฟ (Microwaves) เพื่อให้ความร้อนตรงไปยังเนื้อเยื่อที่มีเซลล์มะเร็ง คลื่นไมโครเวฟจะสามารถเจาะลึกลงไปในเนื้อเยื่อและทำให้เกิดการเพิ่มอุณหภูมิที่เนื้อมะเร็งโดยตรง ช่วยทำลายเซลล์มะเร็ง และทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอต่อการรักษาอื่นๆ เช่น การรักษาด้วยรังสีหรือเคมีบำบัดได้ |
จากการศึกษาในงานวิจัย "Hyperthermia: Role and Risk Factor for Cancer Treatment" โดย Sheetal Jha et al. (2016) การใช้ไมโครเวฟในวิธี Hyperthermia สำหรับการรักษามะเร็งท้องถิ่นเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษามะเร็ง |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
What is the primary benefit of using hyperthermia in cancer treatment?
|
It kills cancer cells with minimal damage to normal cells. |
|
การใช้การให้ความร้อนในรูปแบบ hyperthermia จะทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอต่อการรักษาด้วยการให้ความร้อน เนื่องจากเซลล์มะเร็งมีอุณหภูมิที่ไวต่อการทำลายมากกว่าความร้อนที่สามารถทำลายเซลล์ปกติได้ จึงสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อที่ปกติรอบข้างมากเกินไป |
จากการศึกษาของ Sheetal Jha et al. (2016) เกี่ยวกับ hyperthermia ในการรักษามะเร็ง การให้ความร้อนทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายโดยการที่โปรตีนและโครงสร้างของเซลล์มะเร็งได้รับความเสียหาย ซึ่งทำให้กระบวนการรักษามีประสิทธิภาพสูงเมื่อใช้ร่วมกับวิธีการรักษาอื่น เช่น รังสีหรือเคมีบำบัด |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
Hyperthermia is often used in combination with which of the following treatments?
|
Radiotherapy and chemotherapy |
|
การรักษาด้วย Hyperthermia มักถูกใช้ร่วมกับการรักษาด้วยรังสีและเคมีบำบัดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามะเร็ง โดยการให้ความร้อนจะทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง ทำให้การรักษาด้วยรังสีและเคมีบำบัดสามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยเพิ่มอัตราการตอบสนองและอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย |
อ้างอิงจากการศึกษาโดย Sheetal Jha et al. (2016) พบว่าเมื่อใช้ hyperthermia ร่วมกับรังสีรักษาและเคมีบำบัด มันสามารถช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อการรักษาและเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งศีรษะและคอ มะเร็งเต้านม และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
What is the main challenge of using hyperthermia in cancer treatment?
|
Reaching and maintaining the required temperature in the target area. |
|
หนึ่งในความท้าทายหลักของการใช้ Hyperthermia ในการรักษามะเร็งคือการรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมในบริเวณที่ต้องการรักษา โดยเฉพาะเมื่อทำการรักษาด้วยวิธีการที่มีการใช้ความร้อนในระดับที่ต้องการเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งต้องมีการควบคุมและติดตามอุณหภูมิในพื้นที่ที่ต้องการรักษาอย่างระมัดระวัง หากอุณหภูมิสูงเกินไปอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อปกติที่อยู่ใกล้เคียง |
จากการศึกษาหลายชิ้นพบว่า การควบคุมอุณหภูมิในระหว่างการรักษาด้วย Hyperthermia เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นการรักษาแบบท้องถิ่น (local hyperthermia) เช่น การรักษาก้อนมะเร็งที่อวัยวะหรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
Which type of hyperthermia involves heating a larger region or the whole body?
|
Whole-body hyperthermia |
|
Whole-body hyperthermia คือการรักษาที่ใช้ความร้อนในการทำให้ร่างกายทั้งหมดหรือพื้นที่ที่กว้างขวางของร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น โดยทั่วไปแล้ววิธีนี้ใช้ในการรักษามะเร็งบางชนิดที่ต้องการให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น เช่น การกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองจากภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง โดยการให้ความร้อนกระจายไปทั่วทั้งร่างกายแทนที่จะให้ความร้อนเพียงแค่บางส่วน (local hyperthermia) หรือแค่บางพื้นที่ (regional hyperthermia) |
ตามการศึกษาพบว่า Whole-body hyperthermia ใช้ในกรณีที่ต้องการกระตุ้นการตอบสนองจากภูมิคุ้มกันหรือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาอื่น ๆ เช่น รังสีรักษาและเคมีบำบัด ซึ่งการให้ความร้อนในระดับที่ทั่วถึงทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาได้ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
What type of hyperthermia uses applicators inserted into or near a body cavity to deliver heat?
|
Endocavitary hyperthermia |
|
Endocavitary hyperthermia คือการรักษาที่ใช้แอปพลิเคเตอร์ที่ถูกใส่เข้าไปในหรือใกล้กับโพรงในร่างกาย เช่น ทางทวารหนักหรือช่องปาก เพื่อให้ความร้อนแก่เนื้อเยื่อในบริเวณนั้น ๆ วิธีนี้เหมาะสำหรับการรักษามะเร็งที่อยู่ในอวัยวะที่สามารถเข้าถึงได้จากภายใน เช่น มะเร็งในลำไส้ใหญ่หรือปากมดลูก |
ตามหลักการการรักษาด้วย hyperthermia ประเภทนี้ แอปพลิเคเตอร์ที่ใช้สามารถให้ความร้อนได้แม่นยำและตรงจุดในบริเวณที่เป็นเป้าหมายในร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการทำลายเซลล์มะเร็งที่อยู่ในบริเวณลึกหรือในอวัยวะภายใน |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
What is a significant potential side effect of whole-body hyperthermia?
|
Systemic stress affecting major organs |
|
Whole-body hyperthermia คือการรักษาที่ใช้การเพิ่มอุณหภูมิของร่างกายให้สูงขึ้น ซึ่งสามารถมีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็ง แต่ก็มีความเสี่ยงที่สำคัญด้วย ผลข้างเคียงที่สำคัญคือความเครียดจากระบบที่ส่งผลต่ออวัยวะภายในร่างกาย เช่น หัวใจ, ตับ และไต ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ, การทำงานของอวัยวะผิดปกติ หรือในกรณีรุนแรงอาจนำไปสู่ภาวะอวัยวะล้มเหลว การรักษาด้วยวิธีนี้จึงต้องได้รับการติดตามและดูแลอย่างใกล้ชิด |
จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่า การรักษาด้วยความร้อนที่สูงทั่วร่างกาย (whole-body hyperthermia) อาจทำให้เกิดความเครียดทางร่างกายและภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว หรือภาวะการทำงานของไตผิดปกติ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
Considering the physics of heat transfer, why is controlling hyperthermia challenging during treatment?
|
Human tissue has varying thermal conductivities which affect heat distribution. |
|
การควบคุมอุณหภูมิในกระบวนการรักษาด้วยความร้อน (hyperthermia) เป็นเรื่องที่ท้าทายเนื่องจากเนื้อเยื่อมนุษย์ไม่สามารถนำความร้อนได้อย่างสม่ำเสมอ โดยเนื้อเยื่อที่มีความหนาแน่นและปริมาณเลือดมาก (เช่น เนื้อเยื่อไขมันหรือกล้ามเนื้อ) จะนำความร้อนได้ดีน้อยกว่าเนื้อเยื่อที่มีการไหลเวียนของเลือดมาก (เช่น เนื้อเยื่อที่มีหลอดเลือดมาก เช่น มะเร็ง) ซึ่งอาจทำให้เกิดความร้อนสะสมในบางบริเวณ ขณะที่บางบริเวณอาจไม่ได้รับความร้อนเพียงพอ การกระจายความร้อนที่ไม่สม่ำเสมอในร่างกายจึงทำให้การรักษามีความยากลำบาก |
จากหลักฟิสิกส์ของการถ่ายเทความร้อน พบว่า การนำความร้อนในเนื้อเยื่อมนุษย์นั้นจะมีค่าต่างกันไปตามชนิดของเนื้อเยื่อ ซึ่งสามารถส่งผลต่อการควบคุมอุณหภูมิในขณะรักษา ในการรักษามะเร็งโดยใช้ความร้อน อาจพบปัญหาในการทำให้เนื้อเยื่อทั้งหมดได้รับความร้อนที่เหมาะสมในระดับที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
Why is hyperthermia considered a beneficial adjunct to radiotherapy and chemotherapy?
|
It makes cancer cells more susceptible to other treatments. |
|
การรักษาด้วยความร้อน (Hyperthermia) นั้นจะทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง และเพิ่มความไวต่อการรักษาด้วยรังสีและเคมีบำบัด โดยความร้อนจะทำให้โปรตีนในเซลล์มะเร็งเสียหายและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้สารเคมีบำบัดหรือรังสีสามารถเข้าถึงและทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การรักษาด้วยความร้อนยังสามารถช่วยลดความต้านทานของเซลล์มะเร็งต่อการรักษาด้วยรังสีและเคมีบำบัด |
ตามหลักการทางชีวเคมี ความร้อนที่สูงขึ้นช่วยทำให้ความสามารถของเซลล์มะเร็งในการซ่อมแซมความเสียหายจากการรังสีหรือเคมีบำบัดลดลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพของการรักษาดีขึ้น ดังนั้น การใช้ Hyperthermia ร่วมกับวิธีการรักษาอื่น ๆ จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามะเร็ง |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|